รอยแผลเป็นหายได้..เมื่อรู้วิธีการรักษา
ปัญหาในเรื่องรอยแผลเป็น เป็นเรื่องที่สร้างปัญหาให้กับใครหลายๆคน แต่เชื่อหรือไม่ว่าในปัจจุบันในเรื่องนี้สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งรอยแผลเป็นก็มีอยู่หลายแบบด้วยกัน ซึ่งในแต่ละแบบมีวิธีในการรักษาที่แตกต่างกันไปดังนี้
· รอยแผลเป็นที่เป็นสีปกติ มักจะเป็นรอยแผลเป็นที่รอยคล้ำหรืออ่อนกว่าสีผิวปกติ ซึ่งถือว่าเป็นรอยแผลเป็นที่รักษาค่อนข้างง่ายที่ส่วนใหญ่เกิดมาจากการแกะสิว
· รอยแผลเป็นที่มีการดึงรั้ง เป็นรอยที่เกิดจากการที่ผิวหนังเกิดการดึงรั้ง และเหี่ยวย่น ซึ่งมักจะเกิดในส่วนของบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า หลังจากการประสบอุบัติเหตุต่าง ๆ
· รอยแผลเป็นที่มีลักษณะนูน จะมีอยู่ 2 แบบ คือ นูนแบบปกติ ที่จะไม่เกิดการขยายตัวและมีขนาดเล็กลงได้ หากมีการนวดมันเป็นประจำและอย่างสม่ำเสมอ ส่วนแผลนูนอีกแบบนั้นเรียกว่า คีลอยด์ มักจะมีอาการคันและสามารถลามไปยังบริเวณต่างๆของร่างกายได้ มีลักษณะแข็งอีกต่างหาก
โดยการรักษารอยแผลเป็น ปัจจุบันสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าเป็นรอยแผลเป็นแบบใด ซึ่งการรักษารอยแผลเป็นมีดังต่อไปนี้
· การใช้ยาทา เป็นวิธีที่เหมาะกับรอยแผลประเภทที่เป็นรอยแผลเป็นลักษณะสีผิวที่เข้มขึ้นหรือว่าอ่อนจางลง
· ฉีดยาสเตียรอยด์ วิธีนี้เหมาะกับรอยแผลเป็นใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นการจะฉีดยาพวกสเตียรอยด์เข้าไปใต้รอยแผลเป็น เพื่อที่จะให้รอยแผลเป็นยุบตัวลงไป และค่อย ๆ แคบลง
· ฉายเลเซอร์ วิธีเหมาะแก่การรักษารอยแผลเป็นที่มีลักษณะแผลตื้น หรือว่าเป็นแปลที่เป็นลักษณะสีผิวดำคล้ำหรือว่าจางกว่าสีผิวปกติ
นอกจากวิธีต่างๆเหล่านั้นแล้วก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยทำให้รอยแผลเป็นเล็กจางลงได้ คือ การใช้ผักผลไม้มาใช้ในการรักษา ซึ่งสมุนไพรผักผลไม้หลายชนิดที่มีสรรพคุณในการรักษาแผลเป็น อย่างเช่น ว่านหางจระเข้ ทาวันละ 3 – 4 ครั้ง หรือการใช้น้ำมะนาวผสมดินสอพองทาวันละ 2 – 3 ครั้ง หรืออาจจะเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีสารสกัดจากแตงกวาก็ได้ผลในการรักษาเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ดี วิธีต่างๆที่ใช้ในการรักษาจำเป็นที่จะต้องเวลาในการรักษาและขึ้นอยู่กับขนาดของรอยแผลเป็นด้วย ดังนั้นหากว่าไม่อยากจะเสียเวลาในการรักษารอยแผลเป็นเป็นรยะเวลานานก็จะต้องป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่าด้วยการไม่แกะสิว หรือไม่แกะแผลที่กำลังตกสะเก็ด
No comments:
Post a Comment