Friday, July 24, 2015

การลบรอยสักด้วยเครื่องกรอผิว(DERMABRASION)

การลบรอยสักด้วยเครื่องกรอผิว(DERMABRASION)
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้นวัตกรรมในการดูแลผิวมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัญหารอยสักซึ่งเป็นปัญหากวนใจจะหมดไป ด้วยการใช้วิธีกรอผิวซึ่งเหมาะกับการลบรอยสักที่มีขนาดใหญ่ เห็นผลเร็วทันใจ และมีผลข้างเคียงน้อยถึงแม้จะต้องทำซ้ำหลายครั้งก็ตาม ที่สำคัญมีราคาถูกและปลอดภัยกว่าการลบรอยสักด้วยเลเซอร์
การกรอผิวด้วยเครื่องกรอผิว (DERMABRASION)  เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ลบรอยสักได้โดยถูไปบนตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งอาจลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) ก่อนทำให้พ่นด้วยเอธิลคลอไรด์ (Ethyl Chloride) หรือใช้ไนโตรเจนเหลว โดยพยายามถูไถเครื่องกรอผิวนี้ให้มากที่สุด เพื่อขจัดสีออกมาให้มากที่สุด สีจะหลุดออกไปพร้อมกับสะเก็ดแห้งกรังตรงบริเวณที่ทำ วิธีนี้ต้องทำหลายครั้งกว่าจะขจัดสีได้ทั้งหมด ถ้าจะให้ผลดีควรใช้กรดแทนนิกและซิลเวอร์ไนเตรตร่วมกับเครื่องกรอผิวสามารลบรอยสักได้ด้วยการกรอผิวอย่างเดียว หรือใช้ร่วมกับเกลือแกงบริสุทธิ์ก็ได้เช่นกัน ซึ่งถ้าสีหมึกอยู่ไม่ลึกมาก การกรอผิวแค่ 2 ครั้ง ก็สามารถทำให้รอยสักหายไปได้ โดยควรเว้นระยะ 3-6 เดือน จึงค่อยไปกรอผิวครั้งที่ 2
เพียงแค่นี้รอยสักที่เป็นปัญหากวนใจ โดยเฉพาะรอยสักชื่อของแฟนเก่า ที่อาจทำให้แฟนใหม่รู้สึกแสลงใจจนถึงขึ้นมีปัญหาครอบครัวก็จะหมดไป การลบรอยสักด้วยวิธีกรอผิวเหมาะสำหรับผู้ที่แพ้แสงเลเซอร์ และใจร้อนไม่ต้องการเสียเวลาไปกับการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติที่อาจเห็นผลช้ากว่า ซึ่งไม่เหมาะสำหรับผู้ไม่มีความอดทนต่อการรอคอย

การรักษาโรคสะเก็ดเงินแบบองค์รวม

การรักษาโรคสะเก็ดเงินแบบองค์รวม
มีโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขหลายแห่ง เปิดคลินิกแพทย์แผนไทยควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อรักษาโรคนี้ เช่น โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดสุพรรณบุรี โรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นต้น ตำรับยาที่ใช้มักประกอบด้วยสมุนไพรที่มีสรรพคุณแก้น้ำเหลืองเสีย แก้พิษโลหิต มีทั้งแบบยาต้ม ยาแคปซูล ยาอาบ ยาแช่ และยาน้ำมันภายนอกแก้คัน
นอกจากนั้นยังมีการสารสกัดสกัดจากน้ำมันมะพร้าว มีสรรพคุณในการให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวหนัง (Moisturizer)  ต่อต้านการอักเสบ (Anti-inflammation) รวมทั้งการใช้วิถีทางโภชนาการ เช่น น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ กระเทียมสด หรือกระเทียมอัดเม็ด ขมิ้นชัน น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส  เป็นต้น โดยสมุนไพรที่ใช้ในตำรับยาต่าง ๆ ประกอบด้วย ข้าเย็นใต้ ข้าวเย็นเหนือ ข่า กฤษณา โกศเขมา โกศสอ ทองพันช่าง หัวร้อยรู เหงือก ปลากหมอ หนอนตายหยาก เต่าเกียด เทียนดำ เทียนข้าวเปลือก ฝาง จันท์ขาว จันทร์แดง และโกศบัว ผู้ที่รักษาและปฏิบัติตามคำแนะแพทย์แผนไทยมีโอกาสที่จะหายขาดได้
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบองค์รวม มีแนวโน้มที่อาการจะดีขึ้นและยั่งยืนกว่าการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันเพียงอย่างเดียว เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วยาแผนปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้มาก ๆ จะทำให้เกิดการระคายเคือง เมื่อหยุดใช้ยาผู้ป่วยก็จะกลับมามีอาการอีก การใช้ยาติดต่อกันนาน ๆ จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมหมวกไตและตับ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อรุนแรงหรือวัณโรค โรคแผนในกระเพาะอาหาร ผู้มีความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร
 http://peskin.lnwshop.com/

ทำความรู้จัก "โรคผิวหนังอักเสบ"

ทำความรู้จัก "โรคผิวหนังอักเสบ"
            โรคผื่นผิวหนังอักเสบ หรือโรคผิวหนังอักเสบเกิดมาจากหลายสาเหตุ  ภาษาอังกฤษเรียกโรคนี้ว่า Eczema หรือ Dermatitis ทั้งนี้มีสารหลายชนิดเป็นต้นเหตุที่สำคัญในการเกิดโรค แต่ในบางคนก็ไม่สามารถตรวจพบสาเหตุได้  และการอักเสบก็มีหลายรูปแบบมากๆ จึงเรียกชื่อของโรคและการอักเสบแตกต่างกันออกไป
สาเหตุหลักๆ อาจระบุให้เห็นภาพที่ชัดเจนได้โดยแบ่งออกเป็นสองประเภท นั่นคือสาเหตุจากภายนอกร่างกาย และสาเหตุจากภายในร่างกาย มาเริ่มกันที่สาเหตุจากภายนอกร่างกาย แน่นอนว่าจะต้องมีอะไรปางอย่างมาทำปฏิกิริยากับผิวหนังจึงทำให้เกิดการอักเสบขึ้นได้ และอะไรบางอย่างที่ว่านี้ระบุแน่ชัดไม่ได้ อาจะเป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การสัมผัส หรือการไม่ได้ตั้งใจสัมผัสเช่น เครื่องประดับ เสื้อผ้า น้ำหอม น้ำยาย้อมผม  และอื่นๆ ส่วนโรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากสาเหตุภายในร่างกาย สรุปได้ว่าน่าจะมาจากพันธุกรรมหรือภูมิแพ้
นอกจากนี้การประกอบอาชีพต่างๆ ก็ทำให้เกิดโรคนี้ได้โดยไม่รู้ตัว อาทิเช่น อาชีพที่ต้องสัมผัสพวกโลหะ ผลิตภัณฑ์ยาง  กาว หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหาร เช่นสารกันบูด เป็นต้น
                  ตัวอย่างผื่นแพ้ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ผื่นแพ้จากนิกเกิล อาจเป็นผื่นแดงเฉพาะที่หรือค่อยๆ ลามเป็นบริเวณกว้างก็ได้, ผื่นแพ้จากยาย้อมผม จะคันและเป็นผื่นแดงบางรายอาจมีอาการบวมร่วมด้วย ผื่นแพ้จากปูนซีเมนต์ จะทำให้ผิวแห้งแตกเป็นร่อง
                  ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีอาการโรคผิวหนังอักเสบ
·       ระวังมิให้สัมผัสกับสิ่งระรายเคือง หรือสงสัยว่าจะแพ้ เช่น น้ำหอม เครื่องประดับ สบู่ ผงซักฟอก
·       ระวังและหลีกเลี่ยงการการล้างมือบ่อยๆ
·       ไม่ควรสวมแหวน นาฬิกา และเครื่องประดับอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของนิกเกิล
·       ระวังหากต้องการล้างมือควรใช้สบู่อ่อนๆ เท่านั้น
หากผื่นแพ้ลุกลามไม่สามารถหยุดได้ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อทำการทดสอบหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป

การรักษาโรคด่างขาวด้วยการฉายแสงอัลตราไวโอเลต

การรักษาโรคด่างขาวด้วยการฉายแสงอัลตราไวโอเลต
การฉายแสงอัลตราไวโอเลต หรือ แสงยูวี (Ultra violet หรือ UV light) แสงอัลตร้าไวโอเลต – เอ และแสงอัลตราไวโอเลต – บี เป็นแสงจากหลอดประดิษฐ์มี่มีช่วงคลื่นแสงเดียวกันกับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ การรักษาโรคด่างขาวจะเป็นการรักษาด้วยวิธีฉายแสงอย่างเดียวหรือฉายควบคู่กับการทายา      ต้องแช่น้ำยาหรือรับประทานยาที่มีความไวต่อแสงก่อนฉายแสง เป็นเวลา 15 นาที
การรักษาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา ช่วงของการฉายแสง อาจฉายทุกวันหรือติดต่อกันวันเว้นวัน ก่อนการเข้ารับการรักษาควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง งดทาครีมหรือยากันแดดบริเวณที่ต้องฉายแสงก่อนเข้ารับการฉายแสง สวมเสื้อผ้าแขนยาว กระโปรง กางเกง ขายาวหรือสวมปลอกแขน ปลอกขาหรือถุงมือ ถุงเท้าที่ตัดปลายออกแล้ว สำหรับผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาปลายนิ้ว ควรสวมแว่นกันแดดป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตขณะเข้ารับการฉายแสงด้วย ที่สำคัญต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการรักษานั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของรอยโรค ซึ่งถ้าเป็นที่ใบหน้า ลำตัว แขน ขา จะให้ผลดีกว่า บริเวณปลายมือ เท้า บริเวณกระดูก และรอบปากจะไม่ค่อยได้ผล การรักษาวิธีนี้ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ซึ่งใช้เวลานานเป็นปี ผลข้างเคียงจากการรักษา  จะมีอาการผิวไหม้แดด สีผิวคล้ำขึ้น อาจมีกระ ฝ้า จุดด่างดำหลังจากฉายแสงยูวีไปนาน ๆ ถึงแม้การรักษาด้วยวิธีนี้จะสามารถกระตุ้นเม็ดสีให้กลับมาได้ แต่สีก็ไม่อาจกลับมาได้ทั้งหมด และไม่เรียบเท่าผิวปกติ

เมื่อเส้นเลือดขอดคือเส้นเลือดดำที่มีเลือดมากองไหลไม่สะดวกทำให้หลอดเลือดโป่งพอง

ใช้เข็มเจาะเลือดที่คั่งอยู่ รักษาเส้นเลือดขอดได้ไหม ?
เมื่อเส้นเลือดขอดคือเส้นเลือดดำที่มีเลือดมากองไหลไม่สะดวกทำให้หลอดเลือดโป่งพอง นอกจากโป่งพองแล้วอาจจะมีสำดำคล้ำ หรือบางรายจะออกสีม่วงอ่อนๆ หรือสีเขียวก็มี บางคนมีลักษณะขดวนไปมาดูน่ากลัว หลอดเลือดจะนูนโป่งขึ้นแบบชัดมากๆ  มักจะพบที่น่องและต้นขา ส่วนเส้นเลือดฝอยที่โป่งก็คล้ายกับเส้นเลือดขอด แต่เส้นเลือดฝอยนั้นจะมีขนาดเล็กกว่า ดูเหมือนลายแผนที่อยู่บนต้นขา
เคยเห็นวิธีการรักษาเส้นเลือดขอดแบบการเจาะด้วยเข็มเอาเลือดที่คั่งออก เลือดที่อยู่กับเส้นเลือดขอดมันจะมีสีคล้ำๆ แล้วเอาเลือดออกมาแล้วมันช่วยให้ตรงเส้นเลือดขอดมันยุบลง เลือดไหลเวียนได้เหรอจริงหรือ  อยากรู้ว่าถ้ามันไม่หายแล้วจะเป็นอันตรายอย่างไรบ้างหลังจากเจาะเส้นเลือดขอดด้วยเข็มทำเอาหลายคนสงสัยเกี่ยวกับการรักษาวิธีเพราะดูจะโหดสักหน่อย
ในทางการแพทย์วิธีนี้การเจาะด้วยเข็มเอาเลือดที่คั่งออก วิธีนี้จะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากๆ เจาะเข้าไปบริเวณเส้นเลือดขอด เมื่อเจาะตรงจุดแล้วก็ทำการดูดเอาเลือดที่คั่งออกมา ไม่ใช้เจาะแล้วปล่อยให้เลือดไหลนอง  เมื่อดูดเลือดออกมาหมดแล้วจะทำให้เส้นเลือดดำบริเวณนั้นไหลเวียนสะดวกมากขึ้น  ไม่เหมาะกับเส้นเลือดฝอยแต่เหมาะกับเส้นเลือดที่มีขนาดใหญ่ การรักษาวิธีนี้พบว่ามักจะใช้ร่วมกับการรักษาเส้นเลือดขอดวิธีอื่นๆ

ชนิดของรอยแผลเป็นและการรักษา

ชนิดของรอยแผลเป็นและการรักษา
       รอยแผลเป็น มีหลายชนิดและแต่ละชนิดมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป แต่การรักษาที่เหมาะสมนั้น จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวเชาญด้านผิวหนัง
1. รอยดำ หรือ รอยแผลเป็น ที่เกิดจากสิว เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากเกินไป ไม่ได้เกิดจากความเสียหายของเนื้อเยื่อผิวหนัง ดังนั้นจึงไม่ใช่ รอยแผลเป็น ที่รุนแรง หากไม่รักษา ก็จะจางหายไปเองในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
            การรักษา สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาทา ทำทรีทเมนต์ หรือทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้รอยดำจางหายไปเอง
2. แผลเป็นแท้ๆ เกิดจากการบาดเจ็บที่รุนแรงในชั้นหนังแท้ ส่งผลให้คอลลาเจนถูกทำลาย จากนั้นร่างกายก็จะทำการซ่อมแซมตามกระบวนการธรรมชาติ และจะเกิดเป็น รอยแผลเป็นตามมา ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ
2.1 แผลเป็นปกติ เป็นรอยแผลที่ยังทิ้งร่องรอยอย่างชัดเจนแม้แผลจะหายดีแล้วก็ตาม ซึ่งอาจจะมีสีซีด หรือเข้มกว่าผิวหนังปกติรอบๆรอยแผล
2.2 แผลเป็นนูน เกิดจากการที่ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อเพื่อซ่อมแซมบาดแผลมากเกินไป โดยจะมีทั้งรอยแผลที่เนื้อเยื่อสร้างขึ้นมานูนใหญ่กว่าปกติ แต่ไม่ขยายออกนอกรอยเดิม และ รอยแผลเป็นแบบ คีลอยด์ ที่นอกจากจะนูนใหญ่มากกว่าปกติแล้วยังขยายลุกลามออกจากรอยแผลเดิมด้วย ส่วนใหญ่มักจะเกิดบริเวณใบหู คาง หน้าอก หัวไหล่ มักจะเกิดในผู้ที่ประวัติครอบครัวมีภาวะนี้ คีลอยด์จัดเป็นเนื้องอกธรรมดา ไม่ใช่เนื้อร้ายหรือมะเร็ง และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด)
            การรักษา อาจใช้วิธีการฉีดยาสำหรับรักษาคีลอยด์ หรือนวัตกรรมอื่นๆที่สามารถรักษาได้ตามคลินิกผิวหนัง
3. รอยแผลเป็นหลุม เกิดจากการที่เนื้อเยื่อผิวหนังถูกทำลาย แต่ร่างกายซ่อมแซมไม่เพียงพอ หรืออาจเกิดพังผืดในชั้นผิวดึงรั้งใหเกิดการยุบตัวลงมา จึงเป็นสาเหตุของรอยแผลเป็นหลุมขึ้น ส่วนใหญ่มักเกิดที่ใบหน้า และที่พบมากสุดก็คือรอยแผลจากสิวนั่นเอง
            การรักษา นิยมใช้ เลเซอร์ยิง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหนังเรียบเนียนกระชับมากขึ้น แผลเป็นและหลุมสิวตื้นขึ้น

การรักษารอยแผลเป็น มีการรักษาหลากหลายวิธี จะเลือกใช้วิธีไหนย่อมขึ้นอยู่กับความเหมาะสม

การรักษารอยแผลเป็นด้วยวิธีทั่วไป

การรักษารอยแผลเป็น มีการรักษาหลากหลายวิธี  จะเลือกใช้วิธีไหนย่อมขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ตามลักษณะ และขนาดของแผลเป็น วิธีที่ใช้ในปัจจุบัน มีดังนี้

1.     การจี้ด้วยน้ำยา TCA เพื่อกระตุ้นให้รอยแผลมีการสร้างเซลล์ หลังการจี้จะเกิดสะเก็ดดำๆอยู่ประมาณ สัปดาห์ แล้วจึงหลุดไปเอง ซึ่งระหว่างนี้ห้ามแคะ แกะ เกาเป็นอันขาด
2.     ฉีดยาสเตียรอยด์ ในกรณีนี้มักใช้กับรอยแผลเป็นใหญ่ ๆ ซึ่งจะฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปใต้รอยแผลเป็น  ซึ่งรอยแผลเป็นก็จะยุบตัวลงไป  และค่อย ๆ แคบลง 
3.    ไอออนโต (IONTO) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าขับตัวยา ซึ่งนิยมใช้คือกลุ่มวิตามินเอ เข้าไปในผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ เพื่อให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
4.     รักษาด้วยโฟโน (PHONO) เป็นการใช้คลื่นเสียงขับตัวบาเข้าไปในผิวหนัง โดยใช้ยาในกลุ่มวิตามินเอบำรุง และสร้างคอลลาเจนให้แก่ชั้นผิว ลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าได้
5.     รักษาด้วยวิธี MD (MICRO DERMABRASION) เป็นการผลัดผิวใหม่โดยใช้เครื่องมือพ่นผลคริสตัลลงไปยังผิวหน้า เพื่อขัดผิวส่วนคราบไคลและหนังกำพร้าชั้นบนออกไป แล้วจึงใช้ตัวยาเร่งการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน วิธีนี้ช่วยลบรอยแผลเป็นได้ดี และช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
6.    การฉีดสารสังเคราะห์ โดยแพทย์จะฉีดสารสังเคราะห์ HA เข้าไปในรอยแผล เพื่อให้รอยแผลเต็มขึ้น เป็นการช่วยลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าได้อีกวิธีหนึ่ง
ทั้งนี้การรักษาแผลเป็นแต่ละวิธีล้วนต้องใช้เวลา ใช้ความอดทน และค่าใช้จ่ายพอสมควร ทางที่ดีจึงควรป้องกันผิวจากการเกิดรอยแผลเป็น จึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

การรักษาผิวแตกลายอาจทำได้หลายวิธีแต่การศัลยกรรมก็เป็นวิธีหนึ่งที่สาวๆ หลายคนสนใจ

ศัลยกรรมผิวแตกลายอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับสาวๆ
การรักษาผิวแตกลายอาจทำได้หลายวิธีแต่การศัลยกรรมก็เป็นวิธีหนึ่งที่สาวๆ หลายคนสนใจ เพราะให้ผลดีและรวดเร็วกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น สำหรับการรักษารอยแตกลายด้วยวิธีศัลยกรรมนั้นจะพอจะสรุปได้ดังนี้

1. กรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี
การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณีจะเป็นการใช้ผงคริสตัลที่มีขนาดเล็กมากรอผิวบริเวณที่มีปัญหาแตกลาย ซึ่งจะมีผลในการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออกไป และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทน ผิวที่ได้ก็จะเรียบเนียนและนุ่มนวล ปัญหาผิวแตกลายก็จะหมดไป

2. เลเซอร์รอยแตกลาย
การเลเซอร์รักษาผิวแตกลายมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ ลักษณะจะเป็นการยิงแสงเลเซอร์ไปที่ผิวในขณะยิงจะรู้สึกอุ่น เป็นวิธีรักษาที่ได้ผลดีทั้งรอยแตกลายใหม่ๆ และที่เป็นนานแล้ว สำหรับระยะเวลาในการรักษาก็ต้องดูที่สภาพผิว และบางครั้งอาจจะต้องทำการรักษาติดต่อกันหลายครั้ง เพื่อให้ผิวกับมาเรียบเนียนดังเดิม

3. การฉีดสารก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carboxytherapy)
ฉีดลงที่ผิวหนังเพื่อให้ร่างกายสร้างคลอลาเจนใต้ผิว ก็จะช่วยทำให้ผิวแตกลายค่อยๆ จางลง แต่ควรทำอย่างน้อย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์จึงจะเห็นผล

สำหรับการศัลยกรรมเพื่อแก้ปัญหาผิวแตกลายนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือต้องทำด้วยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจึงจะเห็นผลดี ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำการรักษาก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสถานที่รับรักษากันเอาไว้ด้วย เพื่อให้หลังจากการศัลยกรรมแล้วคุณมีผิวที่สวยและเรียบเนียนได้อย่างที่คุณต้องการ

โรคผิวหนังประเภทหนึ่งที่สร้างความหนักใจให้กับหนุ่มสาวหลาย ๆ คน

รู้จักโรคขนคุดให้มากขึ้น
                  โรคผิวหนังประเภทหนึ่งที่สร้างความหนักใจให้กับหนุ่มสาวหลาย ๆ คน ด้วยรูปแบบของโรคนั้น แตกต่างจากโรคผิวหนังทั่วไป แม้มองดูผิวเผินอาจไม่ส่งผลกระทบใด ๆ มากนัก แต่อาจส่งผลกระทบในเรื่องของรูปลักษณ์และความสวยความงามของหนุ่มสาวแต่ละคน รวมไปถึงความมั่นใจในการเข้าสังคมกับบุคคลอื่นทั่วไปอีกด้วย
                  สำหรับโรคผิวหนังที่ว่านี้ ได้แก่ โรคขนคุด ซึ่งเป็นโรคที่มีสาเหตุสำคัญมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรมของการสร้างเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ส่งผลให้ขนไม่สามารถงอกขึ้นมาพ้นผิวหนังได้ตามปกติ ทำให้ผิวหนังขึ้นตุ่มดำ คล้ายกระดาษทรายหรือหนังไก่ ผิวหนังไม่เรียบเนียน ซึ่งพบได้มากบริเวรใต้รักแร้ ต้นแขนและต้นขาด้านนอก รวมทั้งใบหน้าก็อาจเกิดขึ้นได้ โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
                  ในส่วนของการรักษานั้น แพทย์จะรักษาโดยขึ้นอยู่กับลักษณะของอาการที่เกิดขึ้นกับ ความรุนแรงของขนคุดในแต่ละคน ในรายที่มีอาการไม่มากนักอาจรักษาด้วยการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว การเปลี่ยนมาใช้สบู่เด็กอ่อน การทาโลชั่นที่มีความชุ่มชื่นโดยเฉพาะ หรือแม้แต่การสครับผิว ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรง อาจใช้วิธีการรักษาตั้งแต่ทายา ไปจนถึงการใช้เลเซอร์กำจัดขน ซึ่งผลกระทบของการเกิดขนคุดขึ้นบนผิวหนังนั้น ไม่ได้ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดหรือทุกทรมานกับอาการที่เกิดขึ้น แต่ผลที่ได้รับโดยตรงอาจส่งผลต่อความมั่นใจ รูปลักษณ์ภายนอกที่เห็น และความสวยความงามที่หลายคนให้ความสำคัญมากกว่า เพราะฉะนั้นหากใครมีขนคุดขึ้นที่ผิวหนังไม่ว่าบริเวณใด ลองใช้วิธีการรักษาขั้นพื้นฐานที่เรานำมาฝากนี้ไปปฏิบัติดู พร้อมกับใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ เท่านี้ขนคุดก็ไม่ใช้โรคผิวหนังที่สร้างความหนักใจให้กับเราอีกต่อไป...
http://kpcare.lnwshop.com/

การเกิดโรคขนคุดนั้น เมื่อเกิดขึ้นกับใครแล้ว ผลกระทบที่บุคคลนั้นได้รับอย่างชัดเจน

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคขนคุด
                  การเกิดโรคขนคุดนั้น เมื่อเกิดขึ้นกับใครแล้ว ผลกระทบที่บุคคลนั้นได้รับอย่างชัดเจนคือความวิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นใจในตนเอง ภาพลักษณ์ต่าง ๆ ที่บุคคลทั่วไปพบเห็น ซึ่งหากขนคุดเกิดขึ้นในบริเวณที่ลับอย่างเช่นรักแร้ อาจไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่ถ้าเป็นผิวหนังด้านนอกอย่างแขนหรือขาและใบหน้า อาจส่งผลให้เรามีผิวพรรณไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็นและบั่นทอนความมั่นใจจนอาจส่งผลต่อการดำรงชีวิต
                  สำหรับสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคขนคุดนั้น เกิดจากพันธุกรรมในการสร้างเซลล์ผิวหนังที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนจนขนไม่สามารถโผล่พ้นรูขุมขนได้ เกิดเป็นขนคุดบนผิวหนัง ดังนั้นขนคุดจึงไม่ใช่โรคติดต่อที่น่ากลัวและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคขนคุดจึงมีเพียงผู้ที่มีพันธุกรรมในการสร้างเซลล์ผิวหนังผิดปกติเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากพบว่าบุคคลในครอบครัว พ่อ แม่ หรือปู่ย่าตายายของเรามีประวัติการเป็นโรคขนคุด ก็มั่นใจได้เลยว่าเรามีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคขนคุด แต่ถ้าไม่มีประวัติ ก็ยากเหลือเกินเช่นกันที่เราจะเป็นขนคุด
                  เพราะฉะนั้น หนุ่มสาวทั้งหลายจึงหมดความวิตกกังวลลงได้หากพบว่าบุคคลในครอบครัวไม่มีประวัติการเป็นโรคขนคุดมาก่อน ส่งผลให้เราเองมีโอกาสเสี่ยงน้อยลงต่อการเป็นโรคขนคุด แต่ถึงอย่างนั้น การทำความสะอาดผิวและการบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลาก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพื่อผิวพรรณที่สวยงามและเซลล์ผิวที่มีความชุ่มชื่นตลอดเวลา ลดโอกาสในการเกิดขนคุดลงไปได้อีก...

ถึงแม้ว่าการกำจัดขนในทุกวันนี้จะมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น

กำจัดขนด้วยวิธีการโกนดีหรือไม่
                  ถึงแม้ว่าการกำจัดขนในทุกวันนี้จะมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น แต่วิธีการหนึ่งที่ยังคงได้รับความนิยม เนื่องจากทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็วที่สุดและประหยัดที่สุด นั่นคือวิธีการโกนขน แต่ก็ยังมีหลายคนสงสัยว่า การโกนขนเป็นวิธีการกำจัดขนที่ดีหรือไม่และเมื่อกำจัดขนด้วยวิธีนี้แล้ว จะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
                  สำหรับวิธีการกำจัดขนด้วยการโกนนั้น ถือว่าเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะมีวิธีการกำจัดขนรูปแบบอื่น ๆ ที่มีความทันสมัยเสียอีก ซึ่งการกำจัดขนด้วยการโกนนั้นมีข้อดีคือ สะดวกมาก รวดเร็ว ไม่ยุ่งยากและประหยัด แต่ข้อเสียก็มีมากเช่นกัน ทั้งการกลับมาขึ้นใหม่ของขนในระยะเวลาเพียงแค่ 2 – 3 วัน เสี่ยงต่อการอักเสบของผิวจากใบมีด อาจเกิดแผลจากการโกน รวมถึงขนที่เกิดขึ้นใหม่มีลักษณะเหมือนเสี้ยน ทำให้เกิดอาการคันเพราะขนแทงผิวนั่นเอง เพราะฉะนั้น เมื่อลองเปรียบเทียบระหว่างข้อดีและข้อเสียของการใช้วิธีการกำจัดขนด้วยการโกนแล้ว ถือว่าการโกนขนนั้น ไม่ใช้วิธีที่ดีนัก และอาจส่งผลเสียมากมายหลายประการ ดังนั้น หากหลีกเลี่ยงได้หรือหากไม่มีความจำเป็นจริง ๆ แล้วล่ะก็ การใช้วิธีการกำจัดขนด้วยวิธีการอื่น ๆ อาจส่งผลดีมากกว่า
                  คราวนี้คงชัดเจนมากขึ้นแล้วสำหรับใครที่ยังสงสัยว่าการใช้วิธีการกำจัดขนด้วยการโกนเป็นวิธีการที่ดีหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมีความสะดวกและง่ายดาย แต่ถ้ามีข้อเสียมากมายอย่างนี้ ประกอบกับวิธีการกำจัดขนแบบอื่น ๆ ก็มีความสะดวกรวดเร็วและง่ายดายไม่แตกต่างกัน ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงได้ก็ไม่ควรใช้วิธีการโกนนี้ในการกำจัดขน... 

ครีมโอพิลคา Opilca เป็นสารสกัดจากเมล็ดชาและวิตามินดี สามารถใช้กำจัดขนได้กับทุกสภาพผิว

การกำจัดขนด้วยการใช้ครีมโอพิลคา Opilca
ครีมโอพิลคา Opilca  เป็นสารสกัดจากเมล็ดชาและวิตามินดี สามารถใช้กำจัดขนได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิวที่บอบบาง ขจัดขนได้อย่างนิ่มนวล และช่วยถนอมผิว ด้วยส่วนผสมของวิตามินอี ใช้ได้สะดวกด้วยการออกแบบไม้พายที่เหมาะกับสรีระ
วิธีการใช้
1.     ทำความสะอาดบริเวณที่จะขจัดขนด้วยน้ำสะอาด บีบครีมลงบนที่ปาดครีมพลาสติกที่แนบมากับกล่อง
2.     ปาดครีมให้ทั่วบริเวณขนให้เสมอกัน
3.    ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที สำหรับแขน ขา และ 20 – 30 นาทีสำหรับบริเวณใต้วงแขน และตรวจดูว่าเส้นขนหลุดออกมาหรือไม่ (ขึ้นอยู่กับสภาพของเส้นขน)
4.     เมื่อครบเวลาให้ใช้ที่ปาดครีมปาดดูบริเวณที่ทาเล็กน้อยว่าเส้นขนหลุดออกมาหรือไม่ ถ้ายังไม่หลุดให้เกลี่ยครีมกลับเช่นเดิม แล้วทิ้งให้ครีมทำงานต่ออีกประมาณ 8 – 10 นาที เมื่อแน่ใจดูว่าขนเริ่มหลุด จึงค่อยเช็ดครีมออกออกทิชชู หรือผ้าสะอาด โดยเช็ดย้อนกับแนวเส้นขน แล้วล้างออกให้สะอาด
ทั้งนี้ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ โดยทาครีมเล็กน้อยบริเวณผิวหนัง หากมีอาการผื่นคัน ระคายเคืองหรือผิวไหม ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดและหยุดใช้ครีมทันที หากยังมีอาการแพ้อยู่ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน ไม่ควรทาครีมบริเวณใบหน้า ทรวงอก บริเวณจุดซ่อนเร้น หรือทวารหนัก ไม่ควรใช้บริเวณที่มีบาดแผล รอยถลอก ผิวไหม้ หรือมีผื่นขึ้น ขณะใช้ครีมกำจัดขนไม่ควรใช้นำหอมหรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ระวังอย่าให้เข้าตา และห้ามกินหรือกลืนเข้าไป

เนื่องจากขนเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ สำหรับบางคนจึงมีความต้องการที่จะกำจัดออก

การกำจัดขนถาวรคืออะไร

เนื่องจากขนเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ สำหรับบางคนจึงมีความต้องการที่จะกำจัดออก ซึ่งก็มีหลากหลายวิธีด้วยกัน ก่อนที่เราจะกำจัดขน เรามาเรียนรู้ถึงวงจรชีวิตของขนก่อน เพื่อจำกำจัดได้แบบถอนรากถอนโคน
วงจรชีวิตของขน มี ระยะคือ Anagen , Catagenและ Telogen  แต่ละระยะก็จะมีอายุไม่เท่ากัน ตลอดจนขนในแต่ละส่วนของผิวก็มีอายุไม่เท่ากันด้วย เช่น บนศรีษะ มีอายุประมาณ 3-4 ปี ใต้วงแขน ประมาณ 1-3 เดือน นอกจากนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับเชื้อชาติอีกด้วย Anagen เป็นช่วงเจริญวัยของขน เป็นระยะเจริญเติบโตระยะนี้ต่อมขนอยู่ลึกในชั้น dermis มีเส้นเลือดมาเลี้ยง มีลักษณะเป็นกระเปาะ มีเม็ดสีอยู่ด้วย และมีรากที่พร้อมจะสร้างขนใหม่ พอครบอายุของมันแล้ว ขนนั้นๆก็จะไม่เจริญเติบโต จะเข้าสู่ระยะที่ 2          และ ต่อไป ต่อมขนเลื่อนสูงขึ้น สีเริ่มจางลง แยกตัวจากเส้นเลือดที่มาเลี้ยง และหลุดไปในที่สุด แล้วก็จะเกิด ขนระยะ Anagen ที่เกิดใหม่มาแทนที่ เป็นวงจรเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

ดังนั้นการกำจัดขนถาวรจะทำกับขนในระยะ Anagen เท่านั้น โดยการส่งผ่านพลังงานความร้อน หรือแสงเลเซอร์ไปที่รากขน เมลามีน ที่รากขนดูดซับพลังงานแสงเข้าไป เซลล์เม็ดสีและรากขน จะถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ที่ได้คือ วงจรการเกิดขน ใหม่จะช้าออกไปเรื่อยๆ เส้นขนที่เกิดใหม่จะมีขนาดที่เล็กลง สีอ่อนลง และจะค่อยๆ ขึ้นน้อยลง และค่อยๆหมดไปในที่สุด อีกทั้งยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนเกลี้ยงเกลาขึ้น

Thursday, July 9, 2015

การสักทับเป็นวิธีการลบรอยสักด้วยการสับขาหลอก ใช้วิธีการสักครอบคลุมด้วยรอยสักอีก

การลบรอยสักด้วยการสักทับ
การสักทับเป็นวิธีการลบรอยสักด้วยการสับขาหลอก  ใช้วิธีการสักครอบคลุมด้วยรอยสักอีก ความสำเร็จขึ้นอยู่กับสีของรอยสักเดิม เพราะต้องใช้สีที่เข้มกว่าสีของรอยสักเดิม จึงจะสามารถปกปิดรอยสักเดิมได้ ที่สำคัญต้องเลือกด้วยว่าจะสักที่ไหน ช่างมีความชำนาญและมีประสบการณ์สูง จึงจะสามารถลบรอยสักได้จริง แต่การจะได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสีที่สัก ความลึก และปฏิกิริยาการตอบสนองของผู้สักเองด้วย
สมัยนี้ใครจะสักก็ต้องคิดให้ดี เพราะมันจะติดตัวไปตลอดชีวิต แต่ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดไปแล้ว ก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะเขามีวิธีแก้คือการสักทับลายเก่านั่นเอง หรือจะสักให้เป็นสีเนื้อเพื่อความกลมกลืนกับสีผิวก็ทำได้ แต่ถ้าสักลายใหม่ไม่ขอแนะนำ เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยสักเกิดมองดูยุ่งเหยิงมากกว่าความสวยงาม ยิ่งถ้าเป็นการสักยันต์ จะถูกมองว่าลบหลู่อาจารย์ หมดความขลัง หรือที่เรียกว่าอาจารย์ตีกันเกิดขึ้น (เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ)
อย่างที่รู้กันว่าการสักนอกจะเสียค่าใช้จ่ายในการสักแล้ว ยังต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการลบอีก      ที่สำคัญการประกับสุขภาพจะไม่จ่ายเงิน สำหรับการรักษาแผนจากการลบรอยสักเพราะถือว่าเป็นการทำเพื่อความงามหรือเครื่องสำอางค์ในธรรมชาติ นอกจากจะเป็นการรักษาอาการต่อเนื่องจากการบาดเจ็บด้วยอุบัติเหตุเพื่อไม่ให้มีแผลไว้ดูต่างหน้า แต่ต้องได้รับการรับรองจากแพทย์เจ้าของคนไข้ จึงจะใช้สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลได้

การปฏิบัติตนที่ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน

การปฏิบัติตนที่ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน
ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาดได้ แต่ถ้าผู้ป่วยรู้จักดูแลตัวเองร่วมกับปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะทำให้โรคไม่กำเริบ สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ ผู้ป่วยไม่ควรรับประทานอาหารที่เก็บไว้ในตู้เย็นนาน ๆ หรือผลไม้สุกงอม เช่น มะม่วง กล้วย องุ่นร่วงหลุดขั้ว เพราะมีเชื้อรา                   และขนมปังหรือเส้นบะหมี่เหลือง เส้นมาม่า  ถั่วลิสงคั่ว พริกป่น ที่ใส่ก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารอื่น ๆ ที่ขึ้นรา         ควรรับประทานอาหารที่เสริมภูมิต้านทาน ดังนี้
1.     น้ำมันมะพร้าว ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานอย่างสูง
2.     กระเทียมสด หรือกระเทียมอัดเม็ด
3.    น้ำมันตับปลา โอเมก้า 3 ปรับสมดุล โอเมก้า 6 ลดการอักเสบ
4.     ข้าวกล้อง มีอิโนชิตอล เป็นเลซิติน ช่วยผิวหนังให้ยืดหยุ่น ไม่อักเสบ
5.     ขมิ้นชัน  ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
6.    มะละกอ มีเอนไซม์ ย่อยโปรตีน
7.     ผักตำลึง มีเอนไซม์ ย่อยแป้ง
8.    ใบบัวบก มีเอนไซม์ ย่อยแป้ง
9.    ผักสดและผลไม้ มีเอนไซม์ เพิ่มพลังชีวิต
10.ดื่มน้ำลดความร้อนในร่างกาย เช่นน้ำเก๊กฮวย หล่อฮั้งก๊วย จับเลี้ยง น้ำใบบัวบก
ที่สำคัญต้องพยายามทำจิตใจให้เบิกบาน นอนหลับพักผ่อนมาก ๆ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ผ่อนคลายด้วยการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทำงานอดิเรก  คนใกล้ชิดควรเข้าใจและให้กำลังใจผู้ป่วยไม่แสดงความรังเกียจ เพราะสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันได้ตามปกติ  ผู้ป่วยบางคนจะแพ้อาหารพืชเหล่านี้ เช่น มะเขือเทศ มะเขือ มันฝรั่ง พริกไทย พริก ใบยาสูบ ถั่ว ข้าวโพด งา ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ถ้ารู้สึกว่าไม่สบายหรือเริ่มมีอาการที่ผิวหนังควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรักษาโดยเร็ว ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง รวมทั้งต้องดูแลผิวหนังให้ชุ่มชื้นเสมอด้วยการทาครีม โลชั่นหรือน้ำมัน ระวังอย่าให้ผิวหนังได้รับการกระทบกระเทือน