Thursday, June 11, 2015

หากถามว่าคุณมีรอยแผลเป็นไหม เชื่อว่าทุกคนต้องตอบว่ามีเหมือนกันแน่นอน

3 ประเภทของรอยแผลเป็นที่ควรรู้จัก
หากถามว่าคุณมีรอยแผลเป็นไหม เชื่อว่าทุกคนต้องตอบว่ามีเหมือนกันแน่นอน เพียงแต่อาจจะแตกต่างที่ตำแหน่ง และสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่ารอยแผลเป็นมีการแบ่งแยกประเภทออกเป็น 3 ประเภท ตามลักษณะของรอยแผลเป็น
รอยดำ : เป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากเกินไป แต่เนื้อเยื่อผิวหนังไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนใหญ่มักเป็นรอยที่เกิดขึ้นหลังสิวหาย หรือแผลหาย
วิธีการรักษา รอยดำสามารถจางหายได้เองภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน แต่ถ้าเพื่อความแน่ใจสามารถใช้ยาทำทรีทเมนต์เพื่อลดเม็ดสี ทำเลเซอร์กลุ่ม Q switched ND YAG (RM Laser) หรือการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้รอยดำจางได้เร็วขึ้น
            รอยแผลเป็นแท้ๆ : เป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากการบาดเจ็บที่รุนแรงในชั้นผิวแท้ ทำให้คอลลาเจนได้รับความเสียหาย ร่างกายจึงต้องซ่อมแซมผิวบริเวณดังกล่าว มีแบ่งรอยแผลเป็นประเภทนี้ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
-               แผลเป็นปกติ ที่เมื่อแผลหายสนิทจะยังคงทิ้งรอยแผลเป็นให้เห็น ซึ่งรอยดังกล่าวอาจมีสีซีดหรือสีเข้มกว่าผิวหนังปกติ
-               แผลเป็นนูน เกิดจากร่างกายสร้างเนื้อเยื่อออกมาซ่อมแซมบาดแผลมากเกินไป มีทั้งรอยแผลเป็นแบบHypertrophic Scar เนื้อเยื่อที่ถูกสร้างขึ้นจะนูนใหญ่กว่าปกติ แต่ไม่ขยายออกนอกรอยแผลเดิม และแบบKeloid ที่เนื้อเยื่อจะนูนใหญ่และขยายลุกลามออกไปจากรอยแผลเดิม อาจเกิดการดึงรั้งได้ มักเกิดในบริเวณใบหู คาง หน้าอก หัวไหล่ เป็นต้น
วิธีการรักษา สามารถใช้วิธีการฉีดยา หรือนวัตกรรมอื่นๆ ในวงการรักษาผิวหนัง ซึ่งจะช่วยทำให้ดูเรียบเนียนขึ้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของรอยแผลเป็นด้วย

            รอยแผลเป็นหลุม : เกิดจากเนื้อเยื่อผิวถูกทำลาย ได้รับการซ่อมแซมที่ไม่เพียงพอ หรือเกิดพังผืดในชั้นผิวดึงรั้งทำให้เกิดการยุบตัวลง ส่วนใหญ่มักเป็นรอยแผลเป็นจากสิว
            วิธีการรักษา ใช้เลเซอร์ทำให้เกิดความร้อนที่ใต้ผิวหนังชั้นลึกเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน กระชับมากขึ้น รอยแผลเป็นหลุมดูตื้นขึ้น ริ้วรอย และจุดด่างดำจางลง
รอยแผลเป็นของคุณเป็นแบบไหน
แล้วได้ทำการรักษาเพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนเหมือนดังเดิมแล้วหรือยังคะ

No comments:

Post a Comment