Sunday, April 24, 2016

โรคหูดหงอนไก่ เป็นโรคหนึ่งที่สังเกตอาการภายนอกได้อย่างง่ายดาย

 โรคหูดหงอนไก่ เป็นโรคหนึ่งที่สังเกตอาการภายนอกได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากท่านพบว่าบริเวณอวัยวะบนร่างกาย ในส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อชนิดสร้างเมือกได้ เช่น อวัยวะเพศ ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ทวารหนัก ช่องปาก หรือในลำคอ นั่น มีอาการผิดปกติ กล่าวคือมีอาการคันเกิดขึ้นในบริเวณนั้น แต่ในบางท่านอาจจะไม่มีอาการคันครับ และมีตุ่มขึ้นอย่างไม่เป็นปกติ โดยลักษณะของตุ่มเช่นว่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนมีตุ่มเป็นตุ่มเดียว บางคนอาจมีตุ่มเกิดขึ้นหลายตุ่ม ซึ่งขนาดของตุ่มเช่นว่านั้นก็แตกต่างกันไปในแต่ละคนเช่นกัน บางคนมีขนาดเล็กเกาะกันเป็นแผง แต่ในบางคนมีขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายหงอนไก่สีชมพูซึ่งอาการที่ผู้เขียนได้กล่าวไปทั้งหมดนั้นคือการอาการของโรคหูดหงอนไก่ที่ปรากฏภายนอกและสามารถสังเกตได้ครับ
แต่เนื่องจากโรคหูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้จักเสียเท่าไรนัก ทำให้หลายคนเมินเฉยที่จะเข้ารับการรักษาโรคชนิดนี้ แม้คนเหล่านั้นจะสังเกตเห็นตุ่มขึ้นตามบริเวณต่างๆที่ได้กล่าวไปก็ตาม ทั้งนี้เพราะแม้จะมีตุ่มแต่อาการเจ็บแสบ หรืออาการทุกข์ทรมานจากรอยโรคนั่นแทบจะไม่มี จึงทำให้ผู้ที่ไม่รู้จักโรคหูดหงอนไก่ ปล่อยปละละเลยในการเข้ารับการรักษาตั้งแต่เริ่มต้นเป็นโรค จนกระทั้งอาการของโรคเริ่มหนักขึ้น มีตุ่มที่ใหญ่ขึ้นและแพร่กระจายเป็นจำนวนมาก คนเหล่านั้นจึงจะเข้ารับการตรวจโรคอย่างจริงจัง
           ดังนั้นคำตอบของคำถามที่ว่า เมื่อใดที่ควรไปพบแพทย์ ก็คือเมื่อท่านสังเกตเห็นตุ่มขึ้นในบริเวณอวัยวะต่างๆของร่างกายที่เป็น เนื้อเยื่อเมือก” นั่นเองครับ ยิ่งรู้ตัวไวเท่าไหร่ก็ยิ่งควรเข้าพบแพทย์ให้ไวเท่านั้น เพราะการรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นโรคนั้น จะช่วยการยับยั้งการแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย และติดต่อไปยังบุคคลอื่น ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ดังที่ได้กล่าวไปแล้วเกี่ยวกับอาการของโรคด่างขาว ซึ่งเป็นโรคที่มีรอยโรคปรากฏชัดเจนและง่ายต่อการสังเกต

ดังที่ได้กล่าวไปแล้วเกี่ยวกับอาการของโรคด่างขาว ซึ่งเป็นโรคที่มีรอยโรคปรากฏชัดเจนและง่ายต่อการสังเกต กล่าวคือผู้ที่เป็นโรคชนิดนี้จะมีรอยด่างสีขาวขึ้นบริเวณผิวหนังในส่วนที่ติดโรค โดยรอยด่างขาวดังกล่าวนั้นอาจมีจำนวนมากหรือน้อยต่างกันไปในแต่ละบุคคล ลักษณะของมันจะขึ้นเป็นวงมีลักษณะคล้ายวงรีและวงกลมปะปนกันไป และที่สำคัญคือ มันสามารถเกิดขึ้นได้แทบทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงบริเวณอวัยวะที่เป็นเยื่อเมือกบุด้วยครับ
        นอกจากอาการดังกล่าวแล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่าโรคด่างขาวอาจมีอาการอื่นแทรกซ้อนในรูปแบบของอาการร่วม ซึ่งเป็นอาการผิดปกติของอวัยวะส่วนอื่นที่เกิดขึ้นในขณะเป็นโรคด่างขาวได้อีกด้วย เหตุที่อวัยวะต่างๆมีอาการผิดปกติร่วมในขณะผู้นั้นติดโรคชนิดนี้ เพราะอวัยวะส่วนต่างๆที่มีความผิดปกติเหล่านั้นมีเซลล์เม็ดสีเป็นโครงสร้างนั่นเองครับ ดังนั้นเมื่อท่านเป็นโรคด่างขาวซึ่งทำให้เกิดความผิดปกติในเซลล์เม็ดสีแล้ว มันจึงมีผลไปถึงส่วนต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งความผิดปกติเหล่านั้น มีดังจะกล่าวต่อไปนี้ครับ
1.        อาการผิดปกติทางดวงตา สำหรับผู้ป่วยโรคด่างขาว นอกจากคนเหล่านั้นจะเป็นด่างขาวแล้ว ผู้ป่วยเหล่านั้นยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตาได้อีกด้วย เช่น ม่านตาอักเสบ ทั้งนี้เพราะดวงตาของคนเรานั้น มีเซลล์เม็ดสีอยู่บริเวณเยื่อเมือกบุตานั่นเองครับ
2.        อาการผิดปกติทางหู ทั้งนี้เพราะบริเวณหูชั้นในมีเซลล์เม็ดสีเป็นโครงสร้างเช่นกันครับ ดังนั้นในผู้ป่วยที่เป็นโรคด่างขาว ซึ่งมีความผิดปกติเกี่ยวกับเซลล์เม็ดสี มันจึงส่งผลต่ออวัยวะส่วนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น มีปัญหากับการได้ยินเนื่องจากการทำงานของหูชั้นในมีความผิดปกติ 

จริงอยู่ที่ปัญหาผิวแตกลายสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุหลายๆอย่างที่แตกต่างกันไป

จริงอยู่ที่ปัญหาผิวแตกลายสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุหลายๆอย่างที่แตกต่างกันไป ซึ่งสาเหตุต่างๆเหล่านั้น มีทั้งแบบที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และแบบที่เราควบคุมได้โดยส่วนหนึ่งของผู้ที่ประสบปัญหานี้เกิดจากการที่พวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพอนามัยของตัวเองเท่าที่ควรครับ ดังนั้นการหันมาดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตัวเองอย่างจริงจัง ก็ถือเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้ผู้ที่มีปัญหาผิวแตกลาย กลับมามีผิวสวยเรียบเนียนอย่างเดิมได้เช่นกันครับ
             บทความนี้ผู้เขียนจะขอเสนอวิธีการแก้ปัญหาผิวแตกลายอย่างง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนอะไรให้มากมาย เพียงแค่ท่านหันมาใส่ใจตัวเองและปฏิบัติตัวอย่างถูกวิธีเท่านั้นเองครับ
1.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายถือเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์สารพัดอย่างเลยนะครับ นอกจากจะดีต่อสุขภาพ ทำให้ท่านมีรูปร่างที่สง่าและสมส่วนแล้ว มันยังสามารถรักษาโรคหรือบรรเทาอาการต่างๆที่ผิดปกติบนร่างกายท่านได้อีกด้วย และหนึ่งในปัญหาที่ใช้การออกกำลังกายแก้ไขได้คือปัญหาผิวแตกลายนั่นเองครับ  ทั้งนี้เพราะการออกกำลังกายเป็นประจำนั้นจะช่วยสร้างความสมดุลให้แก่ฮอร์โมนในร่างกายได้ครับ
2.เลือกรับประทานอาหาร
อยากมีสุขภาพที่ดี และร่างกายที่แข็งแรงก็ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นะครับ และการรับประทานอาหารยังเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวแตกลายได้เช่นกัน หากท่านต้องการหายจากปัญหานี้ ท่านควรรับประทานอาหารให้ครบ หมู่ และเน้นอาหารที่มีวิตามินซีนะครับ โดยอย่างน้อยให้ได้ 500-1000 มิลลิกรัมต่อวันก็ยังดีครับ

3.ดื่มน้ำวันละ แก้ว
เพราะการดื่มน้ำจะช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวของท่านนั่นเอง ซึ่งมันช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิวและลดการแตกลายของผิวหนังได้ครับ
4.หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นหรือเกาผิวหนังอย่างรุนแรง
เหตุที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะการอาบน้ำอุ่นหรือเกาผิวหนังอย่างรุ่นแรงนั้นนอกจากจะไม่ช่วยบรรเทาปัญหาผิวแตกลายแล้ว มันยังทำให้เสี่ยงที่จะเกิดปัญหานี้เพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วยครับ

ผิวแตกลาย กลายเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งในปัจจุบันไปแล้ว แม้มันจะไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ก็ตาม

ผิวแตกลาย กลายเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งในปัจจุบันไปแล้ว แม้มันจะไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ก็ตาม แต่ด้วยร่องรอยที่ปรากฏออกมาบนผิวหนังส่วนนอก ปัญหานี้จึงมีผลต่อความมั่นใจของผู้ที่ประสบปัญหาเป็นอย่างมากครับ โดยเฉพาะหากมันเกิดกับสาวๆ ซึ่งเป็นเพศที่รักในความสวยความงามด้วยแล้ว ปัญหานี้ยิ่งสร้างความหนักใจให้กับพวกเธอได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
การรักษาผิวแตกลายมีมากมายหลายวิธีให้ผู้ประสบปัญหาเลือกใช้กันครับ และการรักษาโดยวิธีทางธรรมชาติถือเป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะประหยัดงบในการรักษายังไม่พอ การรักษานั้นยังได้ผลดีอีกด้วยครับ
1.รักษาโดยใช้มันฝรั่ง เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มมีอาการในช่วงแรกๆเท่านั้นครับ ท่านสามารถนำมันฝรั่งมาปอกเปลือกออกแล้วนำเนื้อของมันบดให้ละเอียด เพื่อใช้พอกบริเวณรอยแตกลายทิ้งไว้เป็นเวลา 10-15นาที มันจะช่วยบรรเทาอาการผิวแตกลายได้ครับ
2.ใช้น้ำมะนาว คุณสมบัติของน้ำมะนาวในการรักษาปัญหานี้ คือกรดในน้ำมะนาวสามารถกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ครับ ซึ่งหากท่านนำน้ำของมันมาทาบริเวณผิวแตกลาย รอยแตกลายบริเวณนั้นจะจากลงๆได้อย่างแน่นอน
3. ใช้น้ำมันละหุง การรักษาด้วยวิธีนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควรครับ โดยประมาณ เดือนเห็นจะได้ และควรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอในทุกวัน เพื่อให้เห็นผลดีมากยิ่งขึ้น โดยวิธีการคือการใช้น้ำมันละหุงทาและนวดบริเวณผิวแตกลายประมาณ 10-15 นาทีต่อวัน แล้วใช้ความร้อนประคบในบริเวณดังกล่าวทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง จึงค่อยเช็ดน้ำมันละหุงออก
4.ว่านหางจระเข้ คุณสมบัติที่สำคัญของว่านหางจระเข้ คือการฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ผิวนั้นเองครับ ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวมันจึงสามารถแก้ปัญหาผิวแตกลายได้เช่นกัน วิธีการใช้ก็ไม่ได้ยากเย็นแต่อย่างใดเลย เพียงท่านนำวุ้นภายในว่านหางมาทาบริเวณที่มีการแตกลายเท่านั้นเอง

มาถึงตรงนี้หลายท่านคงพอรู้จักโรคขนคุดกันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ

มาถึงตรงนี้หลายท่านคงพอรู้จักโรคขนคุดกันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว อาการของโรคชนิดนี้เบื้องต้นที่พึงสังเกตได้ง่ายคือบริเวณผิวหนังนั่นเอง กล่าวคือ ผิวหนังของท่านในส่วนที่เป็นขนคุดจะมีตุ่มขึ้นมาเป็นตุ่มเล็กๆ ซึ่งเกิดจากการที่ขนภายใต้ผิวหนังพยายามงอกออกมานอกผิวหนังผ่านทางรุมขุมขน แต่ทว่าขนเหล่านั้นเป็นขนคุด จึงทำให้งอกออกมาไม่ตรงกับบริเวณรูขุมขนแต่ไปทิ่มแทงข้างๆรูขุมขนด้านใน ทำให้ผิวหนังถูกขนเหล่านั้นดันจากด้านในขึ้นมา กลายเป็นตุ่มเม็ดเล็กๆครับ บางคนมีมาก บางคนมีน้อย ซึ่งแล้วแต่ความหนักเบาของโรคขนคุดที่เกิดกับแต่ละคนนั่นเอง และนอกจากจะเป็นตุ่มแล้ว บริเวณผิวหนังในส่วนที่เป็นขนคุดนั่นยังมีลักษณะที่สากอีกด้วยเนื่องจากตุ่มหลายๆตุ่มขึ้นติดกันเป็นแผง จึงทำให้เมื่อเอามือมาลูบจะมีลักษณะสากไม่เรียบเนียนอย่างเช่นคนปกติครับ และในบางคนยังเกิดอาหารคันผิวหนัง หรือเจ็บผิวหนังบริเวณนั้น ซึ่งหากคนเหล่านั้นไปแกะ หรือเกามันเยอะๆอาจมีอาการอักเสบแทรกซ้อนมาได้อีกด้วย
               เมื่อถามถึงผลข้างเคียงของโรคขนคุดเนื่องจากมิใช่โรคร้ายแรงต่ออวัยวะภายในร่างกายจึงไม่มีผลค้างเคียงร้ายแรงอะไรมากครับ ซึ่งผู้เป็นโรคนี้จะไม่มีอันตรายต่อสุขภาพแต่อย่างใดท่านสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างปกติ แต่สิ่งที่อาจเรียกได้ว่าผลข้างเคียงของโรคขนคุดน่าจะเป็นเรื่องของ ความวิตกกังวล” เสียมากกว่า เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคนี้ จะมีลักษณะผิวหนังที่แตกต่างไปจากคนปกติ จึงอาจทำให้เกิดความกังวลในรูปลักษณะและขาดความมั่นใจ

ผมหงอกหรือผมสีขาว หรือสีเทา (grey or white hair) เกิดขึ้นเนื่องจาก

การรักษาผมหงอก
ผมหงอกหรือผมสีขาว หรือสีเทา (grey or white hair) เกิดขึ้นเนื่องจากเซลล์สร้างสี(melanocytes) ที่ให้สีดำ (melanin) แก่เส้นผมที่กำลังงอกออกมาจากเซลล์สร้างผม (hair matrix) ทำงานน้อยลงไป หรือไม่ทำงาน เส้นผมที่งอกออกมาจึงเป็นสีเทาหรือสีขาว แต่ยังคงเป็นเส้นผมที่แข็งแรงเหมือนเดิม เพียงแต่สีไม่ดำเท่านั้นผมจะเป็นสีเทาหรือสีขาวเมื่อคนเราย่างเข้าวัยชรา หรือในบางคนผมอาจจะหงอกตั้งแต่ยังหนุ่มสาว        ที่บางทีเรียกกันว่า แพ้ผม” จากกรรมพันธุ์ และจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ความเครียด การเจ็บป่วยอย่างรุนแรง การขาดอาหารอย่างรุนแรง คนเผือก (ขาวทั้งตัวและผม) เป็นต้น
โดยทั่วไป ผมที่หงอกตามอายุหรือตามกรรมพันธุ์ไม่จำเป็นต้องรักษา และยังไม่มีวิธีรักษา นอกจากการใช้ยาย้อมผมหรือโกรกผมให้ดำเท่านั้น ซึ่งจะต้องทำบ่อยๆ ทุก 1-3 สัปดาห์ มิฉะนั้น ผมที่งอกออกมาใหม่ก็จะเห็นเป็นสีขาว ทำให้ผมส่วนที่ติดหนังศีรษะเป็นสีขาว และส่วนที่ถูกย้อมไว้เป็นสีดำ ยิ่งดูน่าหัวเราะมากขึ้นผมที่หงอกเพราะความเครียดหรือเพราะโรค ก็ต้องรักษาความเครียด หรือโรคที่เป็นอยู่  ไม่จำเป็นต้องรักษาเส้นผม เพราะไม่มีวิธีรักษา นอกจากจะย้อมผมเพื่อหลอกตนเองและคนอื่นเท่านั้น แต่เมื่อรักษาให้ความเครียดและโรคที่เป็นอยู่ให้หายดีแล้ว ผมหงอกจะลดลงหรือหายไปได้
การรักษาผมหงอกที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุด คือ การลดความเครียดลง เช่น การไม่ห่วงกังวลว่าผมจะหงอกหรือไม่หงอก การไม่ห่วงกังวลเรื่องอื่นๆ เป็นต้น และถ้าเป็นโรคอะไรอยู่ ให้รักษาโรคที่เป็นอยู่ให้หายหรือดีขึ้นโดยเร็วที่สุด แล้วผมจะหายหงอกหรือหงอกน้อยลง

ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์รุดหน้าไปมาก โดยเฉพาะแพทย์ทางผิวหนังซึ่งสามารถรักษาขอบตาดำคล้ำได้

ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์รุดหน้าไปมาก โดยเฉพาะแพทย์ทางผิวหนังซึ่งสามารถรักษาขอบตาดำคล้ำได้ ด้วยการรักษาด้วย IPL หรือแสงเข้ม เป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ผลดีไม่มีแผล แต่ต้องทำหลาย ๆ ครั้ง การใช้เลเซอร์เพื่อเข้าไปทำลายเม็ดสีให้แตกตัวเป็นเม็ดเล็ก ๆ มีทั้งแบบมีแผลและไม่มีแผล อย่างเช่น Q-switched Nd : YAG ซึ่งให้ผลดีไม่แพ้ไอพีแอล การใช้แสงเลเซอร์ Fractional Laser สามารถช่วยลดทั้งรอยดำและริ้วรอยตื้น ๆ ได้ และต้องทำหลายครั้ง การใช้เลเซอร์ในการปรับสภาพผิวแบบเปลี่ยนผิวใหม่เรียกว่า Laser Resurfacing ตัวนี้นอกจากรอยคล้ำใต้ตาจะหายแล้ว ริ้วรอยต่าง ๆ ยังลดลง แต่ต้องใช้เวลาในการรักษาแผลอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ และต้องหลีกเลี่ยงแสดงแดดอย่างน้อย 3 -6 เดือน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลดีในการรักษารอยคล้ำใต้ตา แต่มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน
นอกจากนั้นยังมีการรักษาแบบแพทย์แผนจีน ในศาสตร์ที่เกี่ยวกับตา ในตำราจีนเชื่อว่าหากเปลือกตาคล้ำจะเกี่ยวกับม้ามซึ่งทำงานผิดปกติ ซึ่งการรักษาแบบแพทย์แผนจีนจะใช้การฝังเข็มหรือกินยาจีน เพื่อเพิ่มเลือด ซึ่งจะช่วยแก้ไขอาการเลือดไหลเวียนไม่ดี มีของเสียคั่งอยู่ในร่างกาย และช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับอวัยวะต่าง ๆ และปรับสมดุลให้แก่ร่างกาย การรักษาขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย และภูมิของแต่ละคน ดังนั้นผู้ที่มีขอบตาดำต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด เพื่อให้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในราคาที่เหมาะสม

Saturday, April 2, 2016

หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า โรคผิวหนังอักเสบ ไม่ว่าจะจากคนรอบ ๆ ข้าง

ความรู้เรื่องของโรคผิวหนังอักเสบ

หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า  โรคผิวหนังอักเสบ ไม่ว่าจะจากคนรอบ ๆ ข้าง หรือได้ยินจากแพทย์ ซึ่งบางครั้งอาจรู้สึกสงสัยว่าโรคนี้จริง ๆ นั้นเป็นอย่างไร  ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว โรคนี้เป็นคำรวมซึ่งมีอาการและอาการแสดงออกได้หลายแบบ แล้วแต่ชนิดของโรค เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง , แพ้สัมผัส  เป็นต้น
การรักษาโรคผิวหนังอักเสบ
การรักษาในโรคผิวหนังนั้นก็ไม่ยากนัก แต่มักเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ หลักง่าย ๆ ก็คือพยายามที่จะไม่รบกวนผิวบ่อย โดยเฉพาะผิวบริเวณใบหน้า เมื่อล้างหน้าควรซับหน้าด้วยความนุ่มนวลไม่ขัดถูบริเวณใบหน้าแรง ๆ และไม่ควรล้างหน้าบ่อยจนเกินไป

ล้างหน้าด้วยสารชำระล้างที่อ่อน ๆ ไม่ระคายผิวที่บริเวณใบหน้า  ในกรณ๊ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบตามลำตัวขาหนีบ ในช่วงแรกที่มีการอักเสบอยู่ก็อาจให้ ทายา  คอร์ริโคสตรีรอยด์ เมื่อเริ่มดีขึ้นแล้วจึงทายา Ketoconazole ต่อวันละ ครั้ง ไปจนกว่าจะหาย เป็นปกติ ซึ่งในบางคนนั้นแพทย์อาจแนะนำให้ทายา Ketoconzole เพื่อป้องกันการเห่อ ของโรคนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง 

ถึงแม้ว่าโรคนี้จะเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ แต่การดูแลสุขภาพร่างกาย ด้วยการรู้จักวิธีการดูแลถนอมผิวอย่างถูกต้องก็ช่วยทำให้อาการต่าง ๆ ของโรคนี้เป็นน้อยลงและหายได้เร็วขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อได้ทำความรู้จักกับโรคผื่นผิวหนังอักเสบ พอสมควรแล้ว คงได้รับความกระจ่างเกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้น และหวังว่าเมื่อเอ่ยถึงชื่อโรคผิวหนังอักเสบนี้แล้วจะไม่ทำให้เกิดความสงสัยได้อีก
 


เส้นเลือดขอด คือ เส้นเลือดดำที่อยู่บริเวณใต้ผิวหนังชั้นตื้นมีการขยายขนาด โป่งพอง

รักษาเส้นเลือดขอดดูแลขาขาวใสให้เนียนสวย
เส้นเลือดขอด คือ เส้นเลือดดำที่อยู่บริเวณใต้ผิวหนังชั้นตื้นมีการขยายขนาด โป่งพองและคดเคี้ยวเห็นเป็นลายเส้นเขียวคล้ำใต้ผิวหนังส่วนใหญ่มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์

สาเหตุที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอด
สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของลิ้นในเส้นเลือด  ทำให้ไม่สามารถที่จะกั้นการไหลย้อนกลับของเลือดได้ จึงส่งผลให้เลือดคั่งอยู่ในเส้นเลือดดำ นอกจากนี้อาจเกิดจากการยืนนานๆ การมีน้ำหนักเกิน และการใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน  ทำให้มีอาการปวดเท้า หรือเท้าบวม  

วิธีรักษาเส้นเลือดขอด มีหลายวิธีขึ้นกับขนาดและสาเหตุ
การฉีดสารเคมีเข้าสู่เส้นเลือดดำเพื่อทำให้เส้นเลือดฝ่อและตีบเหมาะสำหรับการรักษาเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็ก ๆ

การผ่าตัดเพื่อเจาะเอาเส้นเลือดขอดออกนั้นเหมาะสำหรับการรักษาเส้นเลือดขอดที่มีขนาดใหญ่และที่มีขนาดยาวมากๆ โดยที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการฉีดสารเคมีเข้าสู่เส้นเลือดดำการผ่าตัดอาจมีผลข้างเคียง  เช่น  แผลผ่าตัดอักเสบ
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยเครื่องเลเซอร์
ถือเป็นเทคโนโลยีที่นิยมที่สุด เหมาะสำหรับ เส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็ก แสงเลเซอร์จะมีความยาวคลื่นจำเพาะผ่านผิวชั้นบนลงไปบริเวณที่เป็น เส้นเลือดขอด ได้อย่างแม่นยำ ทำให้เส้นเลือดร้อนจัดและถูกทำลายระหว่างการยิงเลเซอร์  โดยจะมีแก๊สเย็นออกมาพร้อมกับเลเซอร์ เพื่อให้ความเย็นแก่ผิวชั้นบน โดยไม่ทำลายผิวหนังบริเวณข้างเคียง   จึงสามารถรักษาเส้นเลือดขอด ได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว

หากต้องการรักษาเส้นเลือดขอด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับลักษณะ เส้นเลือดขอดและปฏิบัติตนเพื่อไม่ให้เส้นเลือดขอดกลับมาเป็นได้อีก  เช่น   ไม่สวมรองเท้าส้นสูงนานเกินไป    หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนาน ๆ

การสักลายสวย ๆได้รับการนิยมกันมาทุกยุคทุกสมัย แม้กระทั่งในปัจจุบันทุกวันนี้ที่มีทั้งสักแบบขาว-ดำและสักแบบสี

6  วิธีสำหรับการลบรอยสัก
การสักลายสวย ๆได้รับการนิยมกันมาทุกยุคทุกสมัย แม้กระทั่งในปัจจุบันทุกวันนี้ที่มีทั้งสักแบบขาว-ดำและสักแบบสี บางคนสักเพื่อความสวยงาม ในขณะที่บางคนสักเพราะความเชื่อส่วนตัวแต่การมีรอยสักนั้นมีข้อเสียแฝงอยู่ด้วย ดังนั้นบางคนจึงต้องการลบรอยสักเพราะไม่อยากตกงานและขึ้นคานไปทั้งชีวิต  ซึ่งไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไปเพราะมีวิธีลบรอยสักที่ได้รับความนิยมให้เลือกลบรอยสักตามความสะดวก

1. วิธีลบรอยสักด้วยยางเม็ดมะม่วงหิมพานต์
โดยการใช้ยางของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทาที่รอยสัก มีผลให้ผิวหนังหลุดลอกออก และแสบร้อน และต้องล้างแผลทุกวัน

2. การลบรอยสักด้วยปูนแดง
โดยการใช้ปูนแดงผสมกับน้ำสบู่ หรือ น้ำมะนาวก็ได้ แล้วใช้น้ำยาที่เตรียมไว้แล้วพอกทำซ้ำหลาย ๆรอบ

3. วิธีการลบรอยสักด้วยด่างทับทิม
การลบรอยสักวิธีนี้ก็เหมือนวิธีอื่น ๆ คือต้องเปิดผิวหนังบริเวณรอบสัก แล้วโปะด่างทับทิมลงบนรอยสักที่ต้องการลบ

4. การลบรอยสักด้วยเตารีดร้อน
วิธีลบรอยสักแบบนี้ดูเหมือนโหดแต่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้ วิธีการก็คือใช้เตารีดร้อนปานกลางนาบลงบริเวณรอยสัก เพื่อให้ผิวหนังบริเวณนั้นพองออกมา และหลุดลอกออกในที่สุด

5. วิธีลบรอยสักด้วยเลเซอร์
วิธีการลบรอยสักโดยใช้เลเซอร์ยิงบริเวณรอยสัก ให้ผิวหนังบริเวณรอยสักนั้นหลุดลอกออก

6. การลบรอยสักโดยครีมลบรอยสัก
วิธีลบรอยสักแบบนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแค่ใช้ครีมทาบริเวณรอยสักทุกวัน จนกว่ารอยสักจะจางลงและหายไป

วิธีลบรอยสักที่นิยมใช้กันนั้นมีหลักการเดียวกันหมดคือต้องเปิดแผลบริเวณรอยสักยกเว้นการใช้ครีมและการลบด้วยเลเซอร์


ถ้าหากเลือกได้ก็ไม่มีใครที่อยากจะมีรอยแผลเป็นแต่การเกิดอุบัติเหตุ

วิธีการลบรอยแผลเป็นให้จางลง
ถ้าหากเลือกได้ก็ไม่มีใครที่อยากจะมีรอยแผลเป็นแต่การเกิดอุบัติเหตุ การเป็นสิว  การผ่าตัด และปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดรอยแผลก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อเกิดรอยแผลเป็นแล้ว ก็ต้องดูแลเอาใจใส่ให้ถูกวิธีเพื่อไม่ให้กลายเป็นแผลเป็น หรือเพื่อให้แผลเป็นที่เกิดขึ้นแล้วจางลง 

ลักษณะของแผลเป็นมี ประเภท ด้วยกันคือ
แผลเป็นหลุม  แผลเป็นนูน  แผลเป็นคีลอยด์  แผลเป็นผ่าตัด  รอยดำและแผลเป็นจากสิว
  
แผลเป็นดูแลให้ถูกต้องไม่นานก็จะเลือนลาง 
เพื่อให้ดูแลรอยแผลเป็นได้อย่างถูกต้องและมีผิวที่กลับเรียบเนียนได้อีกครั้ง แผลเป็นคือเนื้อเยื่อที่ร่างกายสร้างขึ้น เพื่อซ่อมแซมบาดแผล ซึ่งถ้าหากสร้างมากเกินไปจะเกิดเป็นรอยแผลนูน แต่หากมีการขยายเกินขอบเขตจะเรียกว่าเป็นแผลเป็นคีลอยด์ หรือถ้าหากสร้างน้อยเกินไปผิวหนังก็จะเป็นหลุม เพราะเนื้อเยื่อใหม่มีน้อยเกินไป 

การรักษารอยแผลเป็นด้วยวิธีที่เหมาะสม
ทุกวันนี้มีทางเลือกมากมายหลากหลายในการรักษารอยแผลเป็นมีทั้งการผ่าตัด การฉีดยาประเภทคอร์ติโคสเตียรอยด์ การฉายรังสี การใช้เจลซิลิโคน การทายา หรือครีมบางชนิด หรือในบางทีก็มีแม้กระทั่งละเลยให้แผลเป็นค่อย ๆ ดีขึ้นเอง
ซึ่งการผ่าตัดและการฉีดยานั้น ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ส่วนการปล่อยให้แผลเป็นหายเองนั้น อาจจะต้องใช้เวลามาก และแผลเป็นอาจดีขึ้นเพียงเล็กน้อย

ดังนั้นสำหรับวิธีที่สะดวก ง่าย ปลอดภัย และประหยัดที่สุดคือ การทาเจลที่มีผสมหรือส่วนประกอบของสารที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ ว่าสามารถดูแลแผลเป็นให้จางลงและผิวเรียบเนียนขึ้น เช่น MPS (Mucopolysaccharide polysulphate) และ Allium Cepa ซึ่งจะทำให้แผลเป็นที่แข็งนั้นนุ่มลงได้ และทำให้แลดูจางลงเรียบเนียนสม่ำเสมอ แต่ทั้งนี้ต้องหมั่นดูแลอย่างต่อเนื่องซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพและประเภทของรอยแผลเป็นนั้นด้วย

โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อยชนิดหนึ่งมีชื่อว่า “โรคสะเก็ดเงิน”

ความรู้เรื่องโรคสะเก็ดเงินในยุคปัจจุบัน  2016

โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อยชนิดหนึ่งมีชื่อว่า “โรคสะเก็ดเงิน  โรคนี้เกิดจากสาเหตุของหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกัน ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงสาเหตุเดียว และไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค หรือสารเคมีที่เป็นพิษต่อผิวหนังโดยตรงแต่เพียงอย่างเดียว

สาเหตุของการเกิดโรคสะเก็ดเงิน
แต่สาเหตุของการเกิดโรคสะเก็ดเงินนั้นเป็นผลจากพันธุกรรมหรือยีนที่ผิดปกติหลายชนิดร่วมกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกของร่างกายที่ไม่เหมาะสมเป็นตัวกระตุ้นให้โรคปรากฏขึ้น อาการผื่นผิวหนังเป็นได้หลายรูปแบบ ที่พบบ่อย คือ ผิวหนังอักเสบเป็นปื้นแดง ลอกเป็นขุย ๆ และเป็น ๆ หาย ๆ

ทำไมบางคนจึงเป็นโรคสะเก็ดเงิน
ผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินเพราะมีความผิดปกติทางพันธุกรรมเป็นพื้นฐาน  ประกอบกับมีสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการ  บางรายแสดงอาการทางผิวหนัง บางรายทางเล็บ  และบางรายอาจเกิดอาการอักเสบของเอ็นและข้อร่วมด้วย ซึ่งในผู้ป่วยแต่ละรายมีอาการแสดงของโรคแตกต่างกันได้มาก ทั้งในแง่ของขนาด การกระจายและความรุนแรงของผื่น

สาเหตุที่เรียกโรคนี้ว่า โรคสะเก็ดเงิน ก็เพราะลักษณะของผื่นในโรคนี้จะเป็นปื้นหรือตุ่มสีแดงขอบเขตชัดเจน บนผิวของผื่นผิวหนังอักเสบของโรคนี้จะมีสะเก็ดสีขาวคล้ายเงินปกคลุมอยู่จึงได้มีชื่อโรคนี้ว่า โรคสะเก็ดเงิน” เมื่อแกะหรือเกาสะเก็ดให้หลุดลอกออกจากผิวหนังจะเห็นจุดเลือดออกบนผิวของผื่นที่อักเสบแดง ซึ่งเป็นลักษณะจำเพาะของโรคนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีตุ่มหรือปื้นแดงที่มีสะเก็ดสีขาวให้เห็นก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับระยะของโรคด้วย 

เรื่องอาการของโรคหูดหงอนไก่นั่น ถือเป็นเรื่องสำคัญและน่าสนใจ

การสังเกตอาการของโรคหูดหงอนไก่
          เรื่องอาการของโรคหูดหงอนไก่นั่น ถือเป็นเรื่องสำคัญและน่าสนใจอย่างยิ่งอีกเรื่องหนึ่งครับ เพราะหากท่านทราบถึงลักษณะของโรคว่า เมื่อเป็นโรคชนิดนี้แล้ว ลักษณะทางกายภาพของท่านในส่วนที่ติดโรคจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หรืออาการเบื้องต้นของโรคชนิดนี้เป็นอย่างไรหากทราบในส่วนนี้จะเป็นผลดีมากต่อการเฝ้าระวัง และเข้ารับการรักษากับแพทย์ได้อย่างทันท่วงทีนั่นเองครับ
           เมื่อพิจารณาถึงอาการของโรคหูดหงอนไก่ในเบื้องต้นนั้น พบว่าโรคชนิดนี้ไม่ใช่โรคที่มีอาการรุนแรง หรือสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ที่ติดโรคเท่าใดนัก เพียงแต่โรคหูดหงอนไก่จะสร้างความไม่น่าดูบนเรือนร่างของผู้เป็นโรคชนิดนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจเสียมากกว่าครับโดยอาการที่บ่งบอกได้ว่าท่านอาจเป็นโรคหูดหงอนไก่ มีดังนี้ครับ
ประการแรก อาการของโรคหูดหงอนไก่ที่สังเกตได้ง่ายที่สุด คือ ท่านจะมีตุ่มขึ้นบริเวณต่างๆของร่างกายที่เป็นส่วนที่เรียกว่า เนื้อเยื่อเมือก” โดยบริเวณเนื้อเยื่อเมือกตามร่างกายของคนเรานั้นได้แก่ อวัยวะเพศ ปากมดลูก ในลำคอ ทวารหนัก และ ช่องปาก เป็นต้น โดยตุ่มที่ว่านั้นจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันไป ในผู้ที่ติดโรคแต่ละคนครับ และมันอาจเกิดขึ้นได้หลายตำแหน่งในผู้ป่วยหนึ่งคน ลักษณะของตุ่มจะเรียงเกาะกัน มีลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำ หรือหงอนไก่สีชมพู นั่นเอง
ประการที่สอง ผู้ที่เป็นโรคหูดหงอนไก่นอกจากจะปรากฏรอยตุ่มดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ในบางท่านอาจจะมีอาการคันบริเวณที่เกิดตุ่ม หรืออาจจะไม่มีอาการคันก็ได้
ประการที่สาม หากโรคชนิดนี้เกิดขึ้นในคนที่กำลังตั้งครรภ์ หรือคนที่มีภูมิต้านทานบกพร่อง โรคชนิดนี้จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และมีอาการหนักกว่าคนปกติ โดยตุ่มที่เรียกว่าหูดจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับอาการของโรคด่างขาว ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านอาจเคยได้เห็นผู้ป่วยโรคนี้

อาการของโรคด่างขาว
               สำหรับอาการของโรคด่างขาว ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านอาจเคยได้เห็นผู้ป่วยโรคนี้กันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะพบเจอในชีวิตประจำวัน หรือเห็นจากภาพถ่ายต่างๆก็ตามซึ่งอาการของโรคชนิดนี้เป็นที่สังเกตง่ายมากๆ  เพราะผู้ที่เป็นโรคด่างขาวจะมีรอยโรคที่แสดงออกมาภายนอกผ่านบริเวณผิวหนังส่วนต่างๆอย่างชัดเจน ลักษณะของรอยโรคที่ว่าจะมีสีที่แตกต่างไปจากสีผิวปกติของผู้ที่เป็นโรคชนิดนี้อย่างเห็นได้ชัด โดยรอยดังกล่าวจะมีสีขาวด่างเกิดขึ้นในบริเวณผิวหนังที่มีการแพร่กระจายของโรค ส่วนบริเวณอื่นๆของผิวหนังที่ไม่มีการแพร่กระจายของโรคชนิดนี้จะเป็นสีผิวปกตินั่นเองครับ ดังนั้นผู้ป่วยที่ติดโรคชนิดนี้ จึงมีสีผิวสองสีคือสีด่างขาวกับสีผิวปกตินั่นเองครับ
                  เมื่อกล่าวถึงลักษณะรอยโรคของโรคด่างขาวตามข้อมูลแล้ว รอยด่างขาวจากโรคชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นวงกลม หรือวงรีเสียส่วนใหญ่ครับ แต่สำหรับในผู้ป่วยบางท่านอาจพบรอยด่างขาวในลักษณะเป็นเส้นยาวเหมือนรอยขีดข่วนได้เช่นกัน ซึ่งขนาดของรอยเหล่านั้นจะแตกต่างกันออกไป มีลักษณะเล็กบ้างใหญ่บ้าง ผสมกันตามส่วนต่างๆบนผิวหนังของผู้ป่วยที่ติดโรคชนิดนี้ โดยมันจะกระจายไปทั่วทั้งตัวของผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณ แขน ขา มือ คอ บริเวณใบหน้า หรือรอบปากก็สามารถเกิดรอยด่างขาวได้เช่นกันครับ และนอกจากบริเวณดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น รอยด่างขาวยังสามารถเกิดขึ้นบนอวัยวะที่เป็นเยื่อเมือกบุได้อีกด้วย ซึ่งอวัยวะเหล่านี้ได้แก่ บริเวณช่องปาก บนเหงือกของผู้ป่วย และบนอวัยวะเพศของผู้ป่วย เป็นต้น

หลายท่านคงพอทราบว่า รอยแตกลายส่วนใหญ่เกิดจากการขยายของผิวหนังชั้นกลางและผิวหนังชั้นนอก

ตำแหน่งที่พบรอยแตกลาย และสามารถพบในใครได้บ้าง
         หลายท่านคงพอทราบว่า รอยแตกลายส่วนใหญ่เกิดจากการขยายของผิวหนังชั้นกลางและผิวหนังชั้นนอก โดยการขยายนั้นเกิดขึ้นถึงขั้นเกินความสามารถของผิวหนังเหล่านั้น จึงทำให้เกิดรอยแตกลายบนผิวหนัง ดังนั้นเมื่อถามว่าตำแหน่งใดสามารถพบรอยผิวแตกลายได้บ้าง คำตอบของมัน คือ ผิวหนังส่วนใดของร่างกายก็ตามที่สามารถขยายได้” นั่นเองครับ และผิวหนังส่วนต่างๆเหล่านั้น ได้แก่
1.บริเวณหน้าท้อง และเต้านม
บริเวณดังกล่าว มักเกิดในหญิงมีครรภ์เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ ตั้งแต่เริ่มจนถึงคลอดนั้น หน้าท้องของหญิงมีครรภ์จะมีขนาดขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และนอกจากหน้าท้องแล้วยังรวมถึงหน้าอกของหญิงมีครรภ์ด้วย เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ทำให้เต้านมมีการผลิตน้ำนมเตรียมพร้อมสำหรับเด็กแรกเกิด ดังนั้นหญิงมีครรภ์ส่วนใหญ่จึงประสบปัญหาผิวแตกลายเนื่องจากผิวหนังบริเวณหน้าท้อง และเต้านมขยายจนเกิดความสามารถของมัน นั่นเองครับ
2.วัยรุ่นช่วงกำลังเจริญเติบโต
ซึ่งหมายถึงเด็กที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นนั่นเองครับ โดยเฉพาะในเพศหญิงอายุระหว่าง 12-15 ปี เพศหญิงในวัยดังกล่าวจะมีร่างกายที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งผลของการขยายขนาดของร่างกายนั้นจะส่งผลให้เกิดผิวแตกลายได้เช่นกัน โดยเฉพาะในตำแหน่ง เต้านม ต้นขา หรือบริเวณสะโพก นั่นเองครับ ทั้งนี้ยังรวมถึงวัยรุ่นผู้ชายในวัย 15-18 ปี และเด็กอ้วนด้วยครับ
3.คนเล่นกล้าม
ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย หากมีการออกกำลังกายโดยการเล่นกล้าม หรือเพาะร่างกาย จะมีทำให้ร่างของผู้นั้นมีการขนาดขยายใหญ่ขึ้นนั่นเองครับ โดยเฉพาะใส่ส่วน ลำแขน หน้าอก และหัวไหล่