การรักษารอยแผลเป็นด้วยวิธีทั่วไป
การรักษารอยแผลเป็น มีการรักษาหลากหลายวิธี จะเลือกใช้วิธีไหนย่อมขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ตามลักษณะ และขนาดของแผลเป็น วิธีที่ใช้ในปัจจุบัน มีดังนี้
1. การจี้ด้วยน้ำยา TCA เพื่อกระตุ้นให้รอยแผลมีการสร้างเซลล์ หลังการจี้จะเกิดสะเก็ดดำๆอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจึงหลุดไปเอง ซึ่งระหว่างนี้ห้ามแคะ แกะ เกาเป็นอันขาด
2. ฉีดยาสเตียรอยด์ ในกรณีนี้มักใช้กับรอยแผลเป็นใหญ่ ๆ ซึ่งจะฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปใต้รอยแผลเป็น ซึ่งรอยแผลเป็นก็จะยุบตัวลงไป และค่อย ๆ แคบลง
3. ไอออนโต (IONTO) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าขับตัวยา ซึ่งนิยมใช้คือกลุ่มวิตามินเอ เข้าไปในผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ เพื่อให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
4. รักษาด้วยโฟโน (PHONO) เป็นการใช้คลื่นเสียงขับตัวบาเข้าไปในผิวหนัง โดยใช้ยาในกลุ่มวิตามินเอบำรุง และสร้างคอลลาเจนให้แก่ชั้นผิว ลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าได้
5. รักษาด้วยวิธี MD (MICRO DERMABRASION) เป็นการผลัดผิวใหม่โดยใช้เครื่องมือพ่นผลคริสตัลลงไปยังผิวหน้า เพื่อขัดผิวส่วนคราบไคลและหนังกำพร้าชั้นบนออกไป แล้วจึงใช้ตัวยาเร่งการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน วิธีนี้ช่วยลบรอยแผลเป็นได้ดี และช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
6. การฉีดสารสังเคราะห์ โดยแพทย์จะฉีดสารสังเคราะห์ HA เข้าไปในรอยแผล เพื่อให้รอยแผลเต็มขึ้น เป็นการช่วยลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าได้อีกวิธีหนึ่ง
ทั้งนี้การรักษาแผลเป็นแต่ละวิธีล้วนต้องใช้เวลา ใช้ความอดทน และค่าใช้จ่ายพอสมควร ทางที่ดีจึงควรป้องกันผิวจากการเกิดรอยแผลเป็น จึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
No comments:
Post a Comment