Sunday, April 19, 2015

โรค "สะเก็ดเงิน" รักษาได้ด้วยวิถีทางโภชนาการ...เรื่องจริงไม่ได้มโน

โรค "สะเก็ดเงิน" รักษาได้ด้วยวิถีทางโภชนาการ...เรื่องจริงไม่ได้มโน

            ก่อนอื่นต้องเข้าใจคำว่าวิถีทางโภชนาการก่อนว่าคืออะไร?  วิถีทางโภชนาการก็คือการควบคุมอาหารการกินโดยวิธีธรรมชาติซึ่งเป็นแพทย์ทางเลือก สำหรับใครที่เป็นโรคนี้เมื่อไปหาแพทย์แผนปัจจุบันการรักษาที่ได้รับคือได้รับยาแก้อักเสบที่มีส่วนผสมของสเตอร์รอยหรือไม่มี ทั้งแบบทานและทา(มีการฉายรังสี UV และเคมีบำบัดร่วมด้วย) เช่น เมโทรเท็กเซทอันทราลินเดอโมเวท, LCD, TAR LOTION, เรตินอยด์ ทั้งหมดเป็นเพียงการรักษาอาการเฉพาะหน้าและระงับได้ชั่วคราวเท่านั้น
ส่วนแพทย์ทางเลือกมีแนวทางการรักษาที่ไม่เหมือนคือมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอาการให้คงที่ ไม่ใช่การรักษาเฉพาะหน้าตามอาการ เหตุเพราะการวินิจฉัยเหตุแห่งโรคที่ไม่เหมือนกับแพทย์แผนปัจจุบัน โดยแพทย์ทางเลือกให้ความเห็นว่าโรคสะเก็ดเงินเกิดจากความบกพร่องจากการขาดความสมดุลของกรดไขมันในร่างกาย และเกิดจากอนุมูลอิสระ เป็นต้นเหตุของโรคแห่งความเสื่อม เป็นโรคที่ไม่พบตัวเชื้อ(โรคไม่ติดเชื้อ)

วิถีทางโภชนาการเริ่มที่อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง อาทิ อาหารรสหวาน,ผลไม้รสหวานมาก,เลี่ยงน้ำตาลฟอกขาว แป้งขาว เช่น ขนมปัง,เส้นก๋วยเตี๋ยว,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป,ซาลาเปา,ปาท่องโก๋อาหารรสจัด,เค็มจัด,เผ็ดจัด,เปรี้ยวจัดและมีรสมันจัดแอลกอฮอล์,คาเฟอีน (ชา,กาแฟ) ของหมักดองอาหารทะเลเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เช่น เนื้อวัว ให้เน้นทานเนื้อปลา,  อาหารที่ใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีอาหารที่มีนมวัวผสม นมวัวมีโปรตีนเคซีน ร่างกายย่อยยาก
การรักษาโรคสะเก็ดเงินด้วยวิถีทางโภชนาการ เมื่อตื่นเช้าให้ทำ OIL PULLING 15-20 และดื่มน้ำ 1-2 แก้วรับประทาน- น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์  กระเทียมสด น้ำมันตับปลา ขมิ้นชัน   Evening Primrose Oil วันละ 2-3 เวลาก่อนอาหาร ที่สำคัญอาหารแต่ละมื้อให้ดูอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ควรเพิ่มอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น ผักผลไม้  แตงกวา ฟัก น้ำใบบัวบก ย่านาง เก็กฮวย และจับเลี้ยง อย่าลืมว่าน้ำตาลต้องน้อย
               ส่วนการทาภายนอกแนะนำใช้ยากลุ่มที่ไม่ใช้สเตียรอยด์ อาทิ โปรโทปิค และยาอิริเดล และควรใช้น้ำมันมะพร้าวทาผิวต่อเนื่อง ทาได้บ่อยๆ...ใครที่เป็นโรคสะเก็ดเงินอยากลองวิธีนี้ก็ไม่เสียหายเพื่อเป็นทางเลือกในการรักษา...แต่ถึงอย่างไรหากรักษาควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบันก็ให้ลองปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม

No comments:

Post a Comment