Sunday, September 24, 2017

บางคนอาจมีความวิตกกังวลหรือไม่มั่นใจในการดูแลตนเองหลังแพทย์ตรวจพบว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน

หลังแพทย์ตรวจพบว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน..ควรปฏิบัติตัวอย่างไร??

บางคนอาจมีความวิตกกังวลหรือไม่มั่นใจในการดูแลตนเองหลังแพทย์ตรวจพบว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน ผู้ป่วยจะต้องกินยาให้ครบถ้วนและต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ โดยกินยาต้านกรด 1 สัปดาห์ แต่หากยังไม่ทุเลาดี หรือโรคกำเริบซ้ำหลังหยุดยาก็ให้พบแพทย์ทันที

การสังเกตอาการและข้อพึงระวังภาวะกรดไหลย้อน
ผู้ที่อยู่ในภาวะกรดไหลย้อนลองสังเกตว่าบริโภคสิ่งใดไปบ้างที่ทำให้อาการกำเริบ แล้วพยายามหลีกเลี่ยงทันที ไม่ว่าจะเป็น อาหารมันๆ อย่างของทอดๆ  ที่อมน้ำมัน หรือข้าวผัด   อาหารเผ็ดจัด หัวหอม กระเทียม แอลกอฮอล์ บุหรี่ เครื่องดื่มผสมกาเฟอีน น้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้เปรี้ยว ผลไม้เปรี้ยว ซอสมะเขือเทศ ฯลฯ และควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารปริมาณมาก (หรืออิ่มจัด) และหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากๆ ระหว่างมืออาหาร และที่สำคัญอาหารมื้อเย็นควรรับประทานในปริมาณที่น้อย และทิ้งช่วงห่างก่อนเวลาเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง

การดูแลตัวเองหลังเกิดอาการกรดไหลย้อน
เมื่ออยู่ในภาวะกรดไหลย้อน หลังกินอาหารควรปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงให้หลวมที่สุด ควรนั่งตัวตรง และไม่ควรนอนราบหรือนั่งงอตัว โค้งตัวลงต่ำ หรือจะยืนให้รู้สึกสบายท้อง หลีกเลี่ยงการยกของหนักและการออกกำลังกายหลังอาหารใหม่ๆ  แต่ให้หมั่นออกกำลังกายและผ่อนคลายความเครียดในช่วงเย็นๆ หรือตอนเช้าเพราะความเครียดมีส่วนทำให้หลั่งกรดมากขึ้น ทำให้อาการกำเริบได้ และหากมีอาการกำเริบของโรคกรดไหลย้อนตอนเข้านอน หรือตื่นนอนตอนเช้า ซึ่งอาจจะมีอาการเจ็บคอ เสียงแหบ เจ็บลิ้น ไอ ควรหนุนศีรษะสูง 6-10 นิ้ว และให้หนุนขาเตียงด้านศีรษะให้สูง  โดยให้เตียงหรือลำตัวเอียงลาดจากศีรษะลงมาถึงระดับเอว หรือหากสามารถใช้เตียงที่มีกลไกปรับหัวเตียงให้สูงได้ ก็จะดีไม่น้อย แต่ไม่แนะนำให้ใช้วิธีหนุนหมอนหลายใบให้สูง เพราะอาจทำให้ท้องโค้งงอได้ส่งผลทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น และดันให้น้ำย่อยไหลย้อนได้

การรักษาผู้มีภาวะกรดไหลย้อนแพทย์จะให้การรักษาด้วยการแนะนำ และให้ยารักษาซึ่งอาจเป็นขนานใดขนานหนึ่ง  ซึ่งอาจจะเป็นยาต้านกรดชนิดน้ำและยาลดการสร้างกรดอย่างแรง  ซึ่งครั้งแรกที่เริ่มให้การรักษาภาวะกรดไหลย้อนจะให้ยาติดต่อกันนาน 4-8 สัปดาห์ หรือ 3-6เดือนในรายที่เป็นมาก และหลังการรักษาผู้ป่วยกรดไหลย้อนจะต้องปฏิบัติตัวในการป้องกันไม่ให้โรคกำเริบอย่างเคร่งครัด ก็จะสามารถทำให้ปลอดจากอาการและภาวะแทรกซ้อนได้   

No comments:

Post a Comment