Sunday, February 26, 2017

คล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาแผลเป็นให้ดีขึ้นเป็นเท่าตัว

5  เคล็ดลับการรักษาแผลเป็นอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
http://www.dermeffaceserum.com/
หลายคนมีปัญหาในการรักษาแผลเป็นแต่อาจจะยังไม่ทราบเคล็ดลับ ที่จะสามารถช่วยทำให้ประสิทธิภาพของการรักษาแผลเป็นซึ่งมีในการรักษาดังนี้

เคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาแผลเป็นให้ดีขึ้นเป็นเท่าตัว

1. นวดแผลเป็นเบาๆร่วมกับครีมลบแผลเป็นทุกวัน 
ซึ่งการนวดเบา ๆ บนรอยแผลเป็นพร้อมกับการทาครีมลบแผลเป็นอย่าง เป็นประจำทุกวัน การนวดจะช่วยทำลายความหนาแน่นของคอนลาเจนที่กระจุกรวมตัวกันอยู่ในแผลเป็น และยังยั้งการก่อตัวของคอนลาเจนที่หนาแน่นเป็นพิเศษในบริเวณนั้น
            
2.  ให้โอกาสผิวได้พักหายใจ 
จากการศึกษาพบว่า ความชื้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อตัวของสะเก็ดแผล ซึ่งเป็นอุปสรรคในการก่อตัวของเนื้อเยื่อใหม่ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการพันแผลอย่างแน่นหนา

3.  หลีกเลี่ยงและปกป้องผิวจากแสงอาทิตย์
 เพราะแสงอัลตร้าไวโอเลตจะส่งผลทำให้เกิดการกระตุ้นกระบวนการสร้างเม็ดสี ซึ่งจะชะลอการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์เนื้อเยื่อในรอยแผลเป็นให้ช้าลง ถ้าหากจำเป็นที่จะต้องออกนอกบ้าน ก็ควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องรอย

4.  เสริมด้วยวิตามินซี 
วิตามินซี เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นอย่างยิ่งในการฟื้นฟู ดูแล และบำรุงสุขภาพผิว ดังนั้นการรับประทานทานวิตามินซีอย่างสม่ำเสมอ โดยผ่านทางอาหาร หรือจะรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซี จะเป็นการช่วยเพิ่มความรวดเร็วในจัดการกับปัญหาแผลเป็นให้ดียิ่งขึ้น
            
5.  รักษาด้วยสมุนไพรธรรมชาติ 
สมุนไพรใกล้ตัวบางชนิดก็มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการช่วยลดเลือนแผลเป็นให้หายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเช่นกัน  เช่น ว่านหางจระเข้  แตงกวา  เป็นต้น

5  เคล็ดลับแสนง่ายเหล่านี้เมื่อมีการทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอก็จะสามารถช่วยทำให้การรักษาแผลเป็นเลือนหายไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น


โรคผิวหนังอักเสบนี้ได้มีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ตามสาเหตุของการเกิดโรค

ความรู้เรื่องโรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากความเครียด

ในสภาวะสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่ต้องสัมผัสกับมลพิษสารเคมีที่อยู่รอบๆ ตัว  และมนุษย์มีผิวหนังอันเป็นเกราะป้องกันด่านแรกที่จะสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเหล่านี้ จึงเป็นเหตุให้มีโอกาสการเกิดการแพ้หรือระคายเคืองกลายเป็น                 โรคผิวหนังอักเสบได้

โรคผิวหนังอักเสบนี้ได้มีการแบ่งออกเป็น กลุ่มใหญ่ๆ ตามสาเหตุของการเกิดโรคได้แก่ 
โรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากสาเหตุภายนอกร่างกาย 
สังเกตง่าย ๆ ก็คือ การเกิดผื่นจากการการสัมผัสสารหรือวัตถุ  ทั้งสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน พืช  สัตว์   สารเคมี หรือแมลงบางชนิดที่ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบจากการที่ได้สัมผัสแมลงบางชนิดเหล่านั้น  

สารที่สัมผัสก่อความระคายเคืองต่อผิวหนังจากคุณสมบัติของสารนั้นเอง  เช่น สารที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือเป็นด่าง ซึ่งความระคายเคืองจากสารเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดผื่นได้ไม่เลือกบุคคลผื่นจะเกิดเมื่อผิวหนังไม่สามารถทนต่อความระคายเคืองจากสารเหล่านั้นได้ เช่น แม่บ้านที่จะต้องมีการสัมผัสกับสารระคายเคืองอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาล้างจานผงซักฟอก  น้ำยาล้างห้องน้ำ โดยมักจะมีผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณที่สัมผัสสารบ่อยๆ เช่น  มือหรือเท้า เป็นต้น 

โรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากสาเหตุภายในร่างกาย
ตัวอย่างเช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) และโรคผื่นอักเสบบริเวณผิวมัน (Seborrheic dermatitis) เป็นต้น

การเปลี่ยนแปลงของสภาวะทั้งในทางร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด  ความเจ็บป่วย ก็มีผลให้เกิดการเห่อขึ้นของผื่นในโรคผิวหนังอักเสบ ซึ่งผู้ป่วยด้วยโรคผิวหนังนี้จึงสามารถมีผื่นเป็น ๆ หาย ๆ หรือเรื้อรังได้ด้วยเหตุปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะสารก่อความระคายเคืองต่อผิวหนัง เช่น สบู่ ผงซักฟอก
http://peskin.lnwshop.com/article/55/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94

สาเหตุของเส้นเลือดขอดบริเวณขา เกิดจากการนั่งหรือยืนนานติดต่อกันนาน ๆ

ความรู้เรื่องสาเหตุและการรักษาเส้นเลือดขอดที่ขา

สาเหตุของเส้นเลือดขอดบริเวณขา เกิดจากการนั่งหรือยืนนานติดต่อกันนาน ๆ หรือเกิดจากน้ำหนักตัวที่มากขึ้นในคนอ้วนหรือตั้งครรภ์ ทำให้ความดันเส้นเลือดฝอยบริเวณนั้น ๆ สูงเป็นเวลานาน ๆ ทำให้เส้นเลือดขยายตัวพองออกจนเห็นเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ สีแดง หรือสีเขียว ต่อมาเมื่อนานเข้าก็จะโป่งเป็นเส้นนูนสีเขียว ๆ ซึ่งจะมีจำนวนมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเสื่อมสภาพของเส้นเลือดเหล่านั้นว่าเป็นน้อยหรือมากเพียงใด หรือเป็นมานานเท่าไร จนต้องได้รับการรักษาเส้นเลือดขอดที่ขา

สาเหตุของการที่ทำให้เป็นเส้นเลือดขอดที่ขา

1. เกิดจากการทำงานโดยต้องยืนหรือเดินนานๆ
เช่น พนักงานขายสินค้า พนักงานเก็บค่าโดยสาร ฯลฯ

2. เกิดจากกรรมพันธุ์
การที่พ่อหรือแม่มีเส้นเลือดขอด ลูกก็จะมีโอกาสเกิดเส้นเลือดขอดตามกรรมพันธุ์ด้วย

3. เกิดจากอายุที่มากขึ้น
จะเป็นเส้นเลือดขอดเพิ่มขึ้นเนื่องจากความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของลิ้นหลอดเลือดลดน้อยลง

4. เกิดจากฮอร์โมนเพศ
ซึ่งในเพศหญิงจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศชาย เนื่องจากผลของฮอร์โมนในเพศหญิงโดยตรง

5. เกิดจากการมีน้ำหนักเกิน
 คนที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปเลือดจะหมุนเวียนได้ไม่สะดวก จึงทำให้เกิดการคั่งค้างของเลือดบริเวณขามากขึ้น ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดได้มาก

6. เกิดจากการกระทบกระแทกหรือกดทับ
เช่น การนั่งไขว่ห้าง จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก

7. เกิดจากการใส่รองเท้าส้นสูง
ซึ่งทำให้เลือดหมุนเวียนได้ไม่คล่องตัว

การรักษาเส้นเลือดขอดนั้นโดยทั่วไปแล้วจะเน้นหนักไปทางการป้องกันและรักษาตามอาการมากกว่า ซึ่งสามารถทำได้โดยสวมถุงน่องชนิดพิเศษเพราะจะมีความหนาและแน่น กว่าถุงน่องทั่วไป 


การบรรเทาอาการผื่นของโรคสะเก็ดเงิน

ความรู้เรื่องการบรรเทาอาการผื่นของโรคสะเก็ดเงินให้เกิดอาการผื่นน้อยที่สุด

http://peskin.lnwshop.com/
ในปัจจุบันโรคสะเก็ดเงินยังเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถบรรเทาให้เกิดอาการผื่นน้อยที่สุดหรือให้เหมือนผิวสภาพปกติได้โดยมีวิธีการรักษาโดยการแบ่งเป็นการใช้ยารักษาโรคสะเก็ดเงินทางการทา กิน และ ฉีด ดังนี้

ยาทาโรคสะเก็ดเงิน
วิธีนี้เป็นวิธีการรักษาพื้นฐานที่เหมาะกับผู้ที่มีผื่นเฉพาะที่ เป็นบางจุดโดยส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้ใช้วิธีการทาก่อนการรักษาด้วยการเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าแบบกินหรือแบบฉีด เนื่องจากไม่มีการรับประทานโดยตรงจึงเกิดผลข้างเคียงได้น้อยกว่า 

ยารักษาโรคสะเก็ดเงินที่ใช้กันทั่วไปมีดังนี้
ยากลุ่มสเตอรอยด์  ยากลุ่มสเตอรอยด์มีหลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบครีม สารละลาย หรือแบบขี้ผึ้ง

การเลือกชนิดรูปแบบของยาสเตอรอยด์พิจารณาได้โดยมีหลักดังนี้
รูปแบบขี้ผึ้ง
เหมาะกับผื่นที่มีความหนาเป็นปื้น และเป็นตามบริเวณผิวที่ไม่อ่อนมาก เช่น บริเวณเท้า แขน  ขา มือ ซึ่งในบริเวณดังกล่าวแนะนำใช้ชนิดที่มีฤทธิ์แรงได้

รูปแบบครีม
เหมาะกับผื่นที่บริเวณข้อพับและบริเวณผิวอ่อน เช่น  ผิวหน้า ควรเลือกใช้ชนิดที่มีฤทธิ์ปานกลางจนถึงอ่อน

รูปแบบสารละลายและครีมเหลว
เหมาะกับการใช้กับผื่นบริเวณศีรษะ จะทำให้เข้าซึมลึกได้ดีกว่ารูปแบบครีมและขี้ผึ้ง สามารถใช้ชนิดที่มีฤทธิ์แรงได้

การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการผื่นของโรคสะเก็ดเงินให้เกิดอาการผื่นน้อยที่สุดนี้  ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทั้งรูปแบบทาหรือรูปแบบใด ก็ตามล้วนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย และหากหยุดใช้ก็อาจจะยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการกำเริบมากขึ้นอีกด้วย จึงควรระมัดระวังและปรึกษาแพทย์และเภสัชกรให้ดีก่อนการใช้ 

หลายท่านอาจเคยได้ยินชื่อ “หูดหงอนไก่” กันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ

หูดหงอนไก่คืออะไร
http://hpvtreat.lnwshop.com/
          หลายท่านอาจเคยได้ยินชื่อ หูดหงอนไก่” กันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ แต่มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เดียวที่ไม่รู้จักมันบทความนี้ผู้เขียนขอนำพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับเจ้า หูดหงอนไก่” กันครับ ว่ามันคืออะไร แล้วทำไมเราถึงต้องทำความรู้จักกับมัน
          หูดหงอนไก่ ที่ผู้เขียนได้เกริ่นนำไปในเบื้องต้นก็คือโรคติดต่อชนิดหนึ่งนั่นเองครับ ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ชื่อของมันก็คือ เชื้อไวรัสฮิวแมน แปปิโรมา หรือเราอาจเรียกมันอย่างสั้นๆได้ว่า HPV นั่นเองพอจะคุ้นหูกันบ้างไหมครับ กับเจ้าเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า HPV ไม่แปลกเลยครับหากท่านจะคุ้นหูกับชื่อของเจ้าเชื้อไวรัสตัวนี้  เพราะมันเป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก จึงมักจะถูกพูดถึงบ่อยๆนั่นเอง
 อย่างไรก็ดีเจ้าเชื้อไวรัสชนิดนี้มิได้มีแต่เพียงสายพันธ์ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกเท่านั้น แต่มันยังมีอีกมากมายหลายสายพันธุ์เลยครับ ซึ่งในจำนวนสายพันธ์ที่มากมายเหล่านั้นจะมีสายพันธุ์ที่ หรือ 11 เป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิด โรคหูดหงอนไก่ ได้เช่นกันครับ แต่หากปรากฏว่าท่านใดเป็นโรคชนิดนี้แล้วไปเข้ารับการวินิจฉัยโรค และผลตรวจออกมาว่าท่านเป็นโรคหูดหงอนไก่ ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ที่ 16 หรือ 18 บุคคลนั้นจะมีความเสี่ยงในอัตราที่สูงขึ้นในการที่ท่านจะเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วย

คนที่ผมหงอกก่อนอายุ 30 ถือว่าผมหงอกก่อนวัย ส่วนสาเหตุนั้นเกิดจากความเครียด

สาเหตุของผมหงอกก่อนวัย
คนที่ผมหงอกก่อนอายุ 30 ถือว่าผมหงอกก่อนวัย ส่วนสาเหตุนั้นเกิดจากความเครียด หรือกรรมพันธุ์ หรือการขาดสารอาหารบางอย่างเช่น  ทองแดง เหล็ก วิตามินบี สังกะสี ทองแดง  ถึงแม้อาการผมหงอกก่อนวัยจะไม่เป็นโรคภัยร้ายแรง แต่ก็มีผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจในตัวเอง
เกิดจากเมลานีนในเส้นผมที่เปลี่ยนไป ซึ่งสีผมของแต่ละเส้นก็อาจมีสีที่ต่างกันออกไป โดยสีผมจะเกิดจากเซลล์เมลาโนไซท์ผลิตเม็ดสีเมลานีนได้สองโทน คือ เหลืองปนแดงและน้ำตาลปนดำ ซึ่งแต่ละเชื้อชาติจะผลิตสีออกมาในสัดส่วนที่ต่างกันออกไป และเมื่ออายุมากขึ้น รากผมก็จะค่อย ๆ เสื่อมทำให้ผมบางลงและเซลล์เมลาโนไซท์ผลิตเม็ดสีน้อยลงเรื่อย ๆ จนเริ่มกลายเป็นสีขาว หากอาการผมหงอกที่เกิดจากโรคที่ทำให้เกิดผมหงอก เช่น โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง โรคต่อมไทรอยด์ การบาทเจ็บและโรคของระบบประสาท โรคด่างขาว โรคผมร่วมเป็นหย่อม หรือการป่วยด้วยโรคมาลาเลีย และโรคไข้หวัดใหญ่ การล้มอาจทำให้เส้นผมกลับมาดำได้เมื่อรักษาหาย
การแก้ปัญหาโดยการถอนผมที่หงอกนั้น ไม่ได้ทำให้ภาวะผมหงอกหายไป เพราะเมื่อผมขึ้นมาใหม่ก็จะมีสีขาวเหมือนเดิม แต่ควรรักษาจากสาเหตุ เช่น หากเกิดจากการขาดสารอาหารก็ควรรับประทานอาหารที่มีทองแดงสูงซึ่งจะช่วยบำรุงเส้นผมเช่น หอยนางรม อาหารทะเล และเมล็ดทานตะวัน  อาหารที่มีกรดแพนโทเทนิก หรือวิตามินบี 5 พบมากใน ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด และเมล็ดงา 

รอยดำค้ำใต้ตาเป็นปัญหาที่พบได้กับทุกเพศทุกวัย

สาเหตุที่ทำให้ขอบตาดำ
รอยดำค้ำใต้ตาเป็นปัญหาที่พบได้กับทุกเพศทุกวัย ทำให้ดูเศร้าหมอง หน้าตาไม่สดใส ดูเหนื่อย ๆ พลังงานน้อย ที่สำคัญดูแก่กว่าวัยด้วย สำหรับสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ขอบตาของเราดำคล้ำก็คือ
1.     กรรมพันธุ์  ไม่ว่าจะจากพ่อหรือแม่ หรือมีญาติที่มีขอบตาดำ ก็แสดงว่ามีพันธุกรรมที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น สำหรับคนผิวคล้ำหรือผิวสีแทนอยู่แล้ว อาจจะมองเห็นไม่ชัดเจนนัก แต่ถ้าเป็นคนที่มีผิวสีขาวจะเห็นได้ชัด สาเหตุนี้ป้องกันได้ยาก
2.     เกิดจากการเสียสมดุลของร่างกาย เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะจะส่งผลให้การไหลเวียนของระบบโลหิตไม่ดี สารอาหารในเลือดลดลงทำให้เส้นเลือดตีบ แล้วเกิดรอยคล้ำขึ้น
3.     อายุที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากหนังกำพร้าจะเพิ่มเริ่มบางลงเรื่อย ๆ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น บางรายอาจมีอาการถุงใต้เกิดขึ้นร่วมด้วย
4.     ผิวใต้ตาบาง ทำให้เกิดการดำคล้ำได้ง่าย
5.     การสร้างเม็ดสีบริเวณผิวใต้ตาเพิ่มขึ้น
6.     การระคายเคืองรอบดวงตา ทำให้ต้องขยี้ตาบ่อย ๆ ทำให้เกิดการเสียดสีของผิว
7.     อาการตาแห้ง
8.     ปานโอตะ  เกิดจากเซลล์เม็ดสีที่อยู่ในชั้นผิวหนังแท้ มักเป็นข้างเดียว
ซึ่งแต่ละสาเหตุมีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของรอยดำคล้ำ บางอย่างป้องกันได้ บางอย่างป้องกันไม่ได้ แต่ก็สามารถรักษาและลดอาการหรือความรุนแรงของอาการได้ สำหรับผู้ที่มีรอบดวงตาดำคล้ำ ต้องใส่ใจดูแลผิวบริเวณนี้เป็นพิเศษ เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ่มใจกับปัญหากวนใจนี้ในภายหลัง หรือต้องเสียเงินเสียทองค่ารักษา ทำให้ขาดความมั่นใจหรือเป็นปมด้อยบนใบหน้าได้
 http://darkeye.lnwshop.com/