สิ่งควรรู้เมื่อตัดสินใจลบรอยสัก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อตัดสินใจสักเม็ดสีลงบนผิวหนัง เม็ดสีสังเคราะห์เป็นสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายของมนุษย์เรานั้นไม่รู้จัก ดังนั้นเมื่อนำเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะทำงานโดยพยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมนั้นออกไป เม็ดสีสังเคราะห์นี้จะถูกล้อมรอบด้วยคอนลาเจนชนิดที่ผิดปกติ เม็ดเลือดขาวพยายามที่จะเก็บกินเม็ดสีและขับออกทางระบบน้ำเหลืองแต่ขนาดของเม็ดสีนั้นใหญ่เกินกว่าที่เม็ดเลือดขาวจะเก็บกินได้ จึงทำให้เม็ดสีส่วนใหญ่ติดค้างอยู่ในชั้นหนังแท้
เมื่อเกิดคอนลาเจนที่ผิดปกติขึ้นในชั้นผิว คือแผลเป็นในระดับเริ่มต้นที่มีโอกาสนูนได้ร่างกายพยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เองอยู่แล้ว เหมือนที่บางคนสักมาระยะเวลาผ่านไปหลายปีสีก็จางลงเรื่อยๆ
การกำจัดเม็ดสีที่เกิดจากรอยสัก
มีกลไกในการที่จะทำให้เม็ดสีเหล่านี้หายไปได้มี 2 กลไก คือ
1.การหลุดร่อนของผิวชั้นบน (Trans-epidermal elimination) ซึ่งเข้าใจง่าย ๆ ก็คือการผลัดเซลล์ผิว เม็ดสีเหล่านี้หากอยู่ในระดับที่ไม่ลึกมากก็มีโอกาสที่จะหลุดร่อนไปได้ เห็นได้ชัดกับกรณีของการสักเม็ดสีที่ปาก เมื่อปากแห้งลอกเม็ดสีก็จะดูจางลง
2. การเก็บกินของเม็ดเลือดขาว (Phagocytosis) ถ้าหากเม็ดสีมีขนาดเล็ก โอกาสที่เม็ดเลือดขาวจะสามารถเก็บกินได้ก็จะมีมากกว่าเม็ดสีที่มีขนาดใหญ่
การลบรอยสักในปัจจุบันมีหลายวิธีด้วยกัน การจางหายหรือภาวะแทรกซ้อนแต่ละวิธีก็มีมากน้อยต่างกัน ตั้งแต่การสักสีที่ใกล้เคียงกับผิวทับลงไป หรือการกัดกร่อนด้วยสารเคมี หรือการกำจัดด้วยเลเซอร์หลากหลายชนิด
No comments:
Post a Comment