Friday, September 23, 2016

บางคนชื่นชอบรอยสักตามกระแสนิยม แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกิดอยากจะลบรอยสัก

เคล็ดลับในการ ลบรอยสัก อย่างปลอดภัยที่ทำได้ด้วยตนเอง
บางคนชื่นชอบรอยสักตามกระแสนิยม แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกิดอยากจะลบรอยสักแต่ก็เกรงว่าจะเป็นการทำลายสุขภาพผิวหนังอีกทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่เกิดจากการลบรอยสัก ซึ่งในปัจจุบันมีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการลบรอยสักจากวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัย
 
ในยุคปัจจุบันนี้นิยมสักเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว  มีการลงสีสันมองเห็นชัดเจน  จึงทำให้มีการเปิดร้านรับสักกันเป็นอาชีพมากมายซึ่งเมื่อสักแล้วเกิดความเบื่อต้องการลบออก  และในยุคปัจจุบันนี้ก็มีวิธีลบรอยสักง่าย ๆ ด้วยสมุนไพรที่ไม่ยุ่งยากและสามารถลบได้ด้วยตนเอง 
 
เคล็ดลับลบรอยสักจากธรรมชาติที่ปลอดภัยจากสารเคมีและไม่ทำลายสุขภาพนั่นก็คือเอายางจากเม็ดของ  "มะม่วงหิมพานต์"  เป็นเม็ดที่ห้อยติดอยู่ใต้ผล ทาบริเวณรอยสักที่ต้องการจะลบออก  ทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างน้ำ  ยางของเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะค่อย ๆ กัดสีที่สักบนผิวหนังให้เลือนหายได้  ถ้าสีไม่ฝังลึกทำเพียงครั้งเดียวจะหายหมด  ถ้าหากสีฝังลึก  ให้ทิ้งระยะเวลา หรือเว้นการทำ  2-3  วัน  ทำซ้ำอีกก็จะสามารถลบรอยสัก หมดไม่เหลือให้เห็นอีก
 
มะม่วงหิมพานต์ เป็นที่รู้จักกันดีโดยเฉพาะเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่มีรสชาติ อร่อย ถูกใจ แต่ยางมีพิษกัดทำลายเนื้อที่เป็นไต  เช่น  ตาปลา หูด  ส่วนน้ำมันในเมล็ด  ใช้รักษากลากเกลื้อน  หรือโรคผิวหนังได้  ในส่วนที่เป็นยางก็สามารถใช้ลบรอยสักได้อย่างปลอดภัยและนอกจากนี้ใบอ่อน  ยอดอ่อน  ที่มีรสฝาดเล็กน้อยก็ใช้เป็นผักสดกินกับอาหารรสจัด

ถึงแม้ว่าโรคผิวหนังอักเสบนี้จะเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ แต่การรู้จักดูแลสุขภาพร่างกาย...

วิธีในการดูแลตัวเองเพื่อรับมือกับโรคผิวหนังอักเสบ
ถึงแม้ว่าโรคผิวหนังอักเสบนี้จะเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ แต่การรู้จักดูแลสุขภาพร่างกาย รู้จักวิธีการถนอมและดูแลผิวอย่าง ถูกต้องก็จะช่วยทำให้อาการของโรคผิวหนังอักเสบนี้ลดน้อยลง และหายเร็วขึ้น ด้วยเทคนิคการดูแลตัวเอง  5  วิธีง่าย ๆ ดังนี้

1.  สวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยระบายอากาศ
หลีกเลี่ยงผ้าใยสังเคราะห์หรือผ้าถักเนื้อหนาเพราะอาจก่อให้เกิดการระคายผิว ให้เลือกสวมใส่ผ้าฝ้ายแทน เพราะผ้าฝ้ายนั้นมีเนื้อที่นุ่มและบาง ช่วยระบายอากาศและซึมซับเหงื่อได้ดี เพราะเหงื่อก็เป็นหนึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบ

2.  ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
ความร้อนสามารถกระตุ้นให้ผิวหนังขับน้ำและนำไปสู่ผิวที่แห้งทำให้คันได้ ดังนั้นควรดับร้อนด้วยการอาบน้ำเย็นหรือปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นขึ้น เช่น เปิดหน้าต่างบ้าน  หรือห้องนอนให้ลมถ่ายเทได้สะดวก เป็นต้น

3.  หลีกเลี่ยงการเกา
เพราะเล็บมือสะสมไปด้วยสิ่งสกปรก การเกาแผลที่เกิดจากโรคผิวหนังอักเสบจะนำไปสู่การอักเสบจากเชื้อโรคในซอกเล็บได้ ดังนั้นควรล้างทำความสะอาดมืออยู่เสมอและควรตัดเล็บมือให้สั้นเพื่อป้องการสะสมของสิ่งสกปรกในเล็บ

4.  หลีกเลี่ยงการอาบน้ำเป็นเวลานาน
 โดยเฉพาะการอาบน้ำอุ่น  เพราะการอาบน้ำอุ่นเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้นได้ นอกจากนี้ควรเลือกสบู่อาบน้ำสูตรอ่อนโยนและใช้เพียงเล็กน้อยเพื่อลดการระคายเคืองของผิวหลังการอาบน้ำ 

5.  หลีกเลียงสิ่งกระตุ้นที่ก่อให้เกิดโรค
 โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ หรือโรคผิวหนังอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดการแพ้ต่าง ๆ และเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผงซักฟอกที่อ่อนโยนปราศจากน้ำหอม

การดูแลตัวเองเพื่อรับมือกับโรคผิวหนังอักเสบ  หมั่นดูแลผิวเป็นประจำทุกวันและทำตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อบรรเทาและป้องกันโรคผิวหนังอักเสบ เพื่อคงไว้ซึ่งผิวสวยสุขภาพดี

เส้นเลือดขอดเป็นภาวะที่หลอดเลือดดำหรือลิ้นหลอดเลือดดำบริเวณขาอ่อนแอ

สูตรลับรักษาเส้นเลือดขอดให้ขาเรียวสวยด้วยใบบัวบก

เส้นเลือดขอดเป็นภาวะที่หลอดเลือดดำหรือลิ้นหลอดเลือดดำบริเวณขาอ่อนแอทำให้การไหลเวียนเลือดบริเวณขากลับไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่ดีจึงทำให้เลือดถูกย้อนกลับมาคั่งบริเวณที่ขาทำให้เกิดอาการเส้นเลือดปูดโป่งพอง เป็นปัญหาด้านความสวยงามที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เกิดแต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาวิธีการรักษาเส้นเลือดขอดนี้ให้เหมาะสมกับสภาพที่เป็น

แม้ว่าเส้นเลือดขอดจะไม่ใช่โรคร้ายแต่ก็สร้างความรำคาญใจให้ได้ไม่น้อยบางคนอาจจะหาทางออกในการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการผ่าตัดใช้เลเซอร์เพื่อให้ขากลับมาเรียวงามเหมือนเดิมนอกจากการผ่าตัดแล้วการรับประทานใบบัวบกเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่มีปัญหากับเส้นเลือดขอด

ผลงานวิจัยหลายชิ้นได้ทำการใช้ใบบัวบกทดลองรักษาผู้ที่มีอาการเส้นเลือดขอด พบว่า ใน 10 คนมีอาการดีขึ้นเส้นเลือดสรรพคุณของใบบัวบกช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือดทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดี  ซึ่งสามารถทำน้ำใบบัวบกดื่มได้เองเพราะมีวิธีการทำที่ง่าย ๆ ตามสูตรคือ  ใบบัวบก ถ้วย  น้ำสะอาด ถ้วย  น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
นำใบบัวบกสดล้างน้ำให้สะอาดจากนั้นนำไปใส่เครื่องปั่นผสมกับน้ำสะอาด ปั่นให้เป็นเนื้อเดียวนำน้ำใบบัวบกที่ได้เติมน้ำเชื่อม ชิมรสตามใจชอบ หรือจะเติมน้ำแข็งเพื่อเพิ่มความสดชื่นแก้กระหายคลายร้อนได้อีกด้วย
เป็นความโชคดีที่สมุนไพรชนิดนี้หารับประทานได้ง่าย ซึ่งมีทั้งในรูปของเครื่องดื่ม หรือใบสด โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งในรูปของอาหารเสริม ใบบัวบกนอกจากจะแก้ช้ำใน  แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยกระตุ้นในการไหลเวียนโลหิต แล้วช่วยบรรเทาและรักษาเส้นเลือดขอดได้ด้วย

การรักษาโรคสะเก็ดเงินในปัจจุบันมีวิธีการรักษาอยู่ 3 ประเภทด้วยกันได้แก่

ความรู้เรื่องหลักในการรักษาอาการของโรคสะเก็ดเงิน

โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังที่มักจะพบบ่อยซึ่งถ้าหากผู้ป่วยได้รับการบำบัดที่ถูกต้อง ก็สามารถควบคุมให้รอยโรคหายไปได้หรือปรากฏได้น้อยที่สุดในผู้ป่วยรายที่อาการไม่รุนแรงนักรอยโรคอาจหายไปได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี

การรักษาโรคสะเก็ดเงินในปัจจุบันมีวิธีการรักษาอยู่ ประเภทด้วยกันได้แก่
1.  การรักษาด้วยยาทา
มีความสำคัญในเวชปฏิบัติทั่วไปมากที่สุดเนื่องจากเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง  ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับรอยโรคที่เป็นไม่มากนักประมาณ ร้อยละ25 ของพื้นที่ผิวกาย

2.  การรักษาด้วยยากินและยาฉีด
การรักษาด้วยยากินและยาฉีดมักจะมีผลข้างเคียงมาก หรือต้องใช้เครื่องมือพิเศษช่วยในการรักษาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสงวนไว้สำหรับผู้ป่วยที่มีรอยโรคมาก เกินร้อยละ 20 ของพื้นผิวร่างกายซึ่งดื้อต่อการรักษาด้วยยาทา หรือผู้ป่วยที่มีชนิดของโรคที่รุนแรง  ซึ่งการรักษานี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะ

3.  การรักษาด้วยแสงแดด
แสงแดดช่วยให้รอยโรคสะเก็ดเงิน ดีขึ้นได้ แพทย์จึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยตากแดดบ้างโดยค่อย ๆ เพิ่มปริมาณแสงแดดขึ้นจนถึงระดับที่เหมาะสมโดยไม่มีการไหม้เกรียมของผิวหนัง แต่ในทางปฏิบัติทำได้ยากเนื่องจากแสงแดดในแต่ละเวลาไม่เท่ากัน

การให้ความรู้เรื่องโรคสะเก็ดเงินแก่ผู้ป่วยและญาติเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำไปพร้อม ๆ กับการบำบัดทางยาเนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้จะมีปมด้อยมากและต้องการการยอมรับจากคนรอบข้าง เพราะความเครียดที่เกิดขึ้นทางด้านจิตใจที่เป็นสาเหตุที่ทำให้โรคกำเริบได้ การให้ความรู้ที่ถูกต้องกับผู้ป่วยจะช่วยให้ผู้ป่วยคลายความวุ่นวายใจได้

หากท่านผู้อ่านพบว่าตัวเองเข้าข่ายที่จะเป็นโรคหูดหงอนไก่

วิธีการดูแลตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับโรคหูดหงอนไก่
                    หากท่านผู้อ่านพบว่าตัวเองเข้าข่ายที่จะเป็นโรคหูดหงอนไก่ หรือท่านได้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยโรคแล้ว ปรากฏว่าเป็นโรคหูดหงอนไก่ สิ่งที่พึงกระทำในลำดับต่อไปคือการหยุดพฤติกรรมเสี่ยงทั้งหลายทั้งปวงที่จะเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดและทำให้อาการหนักขึ้นครับ ทั้งนี้เพราะหากท่านยังประพฤติปฏิบัติตัวเช่นเดิมอย่างที่เคยทำ แน่นอนโรคชนิดนี้จะไม่มีทางหายเป็นแน่และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง นอกเสียจากการหยุดประพฤติตัวในทางที่เสี่ยงแล้ว คือการดูแลตัวเองนั่นเองครับ
 การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในยามที่ท่านต้องประสบกับโรคต่างๆ ท่านจะสังเกตได้ว่าคนที่ดูแลตัวเองดีในยามที่เจอกับโรคภัยไข้เจ็บ คนเหล่านั้นจะมีอาการดีขึ้นอย่างน่าแปลกใจ และมีความเป็นไปได้ที่จะหายจากโรคมากกว่าพวกที่ปล่อยปละละเลย ไม่สนใจสุขภาพแม้ในยามที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บครับ
                ดังกล่าวนั้น ผู้ที่เป็นโรคหูดหงอนไก่ก็เช่นกันครับ หากปฏิบัติตัวอย่างถูกหลักตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว รับรองได้ว่าโรคชนิดนี้จะหายได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก และวิธีการดูแลตัวเองสำหรับผู้เป็นโรคหูดหงอนไก่คือ
1.        ท่านต้องรักษาสุขภาพตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติสิบประการซึ่งผมเชื่อว่าใครๆก็ย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดี
2.        เนื่องจากการรักษาต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญโรคผิวหนัง ดังนั้นท่านต้องปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด และที่สำคัญคือการมาตามนัดทุกนัด เวลาที่มีการนัดรักษาหรือตรวจโรคนั่นเองครับ
3.        โรคชนิดนี้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นในยามที่ท่านป่วยก็ควรงดกิจกรรมอย่างว่าไปก่อน จนกว่าจะหาย จะเป็นการดีที่สุดครับ
4.        ล้างมือด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังอยู่เป็นประจำเพื่อป้องกันการแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย

วิธีนี้จะใช้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคด่างขาวและมีรอยด่างขาวไม่มากเท่าใดนัก

การรักษาโรคด่างขาว
             สำหรับโรคด่างขาวนั้นเป็นโรคชนิดหนึ่งที่ยังไม่มีวิธีการใดจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ครับ ทั้งนี้เพราะโรคชนิดนี้มีด้วยกันหลายชนิดดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ซึ่งแต่ละชนิดจะมีอาการที่แตกต่างกันไป ทั้งยังมีการตอบสนองต่อยาที่ใช้รักษา แตกต่างกันด้วย ดังนั้นจึงยากที่จะรักษาด่างขาวทุกชนิดที่เกิดบนร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน ให้หายขาดได้นั่นเองอย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงการรักษาโรคด่างขาว ในปัจจุบันมีวิธีหนึ่งที่แพทย์นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย นั่นคือรักษาโดยการกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีกลับคืนมานั่นเองครับ ซึ่งวิธีการดังกล่าวสามารถทำได้โดย
1.รักษาด้วยการทายา วิธีนี้จะใช้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคด่างขาวและมีรอยด่างขาวไม่มากเท่าใดนัก ซึ่งแพทย์จะใช้ตัวยาจำพวก CorticosteroidTacrolimus, และ Vitamin D analogue ในการรักษานั่นเองครับ
2.รักษาโดยการฉายแสง วิธีนี้จะเป็นการรักษาด้วยการใช้แสงอัลตราไวโอเลต หรือที่หลายๆท่านรู้จักกันในชื่อแสงยูวี” นั่นเองครับ ทั้งนี้เพราะแสงดังกล่าวสามารถกระตุ้นเซลล์เม็ดสีได้เป็นอย่างดี และนิยมนำมาใช้กับผู้ป่วยที่รอยโรคมีบริเวณกว้างเสียส่วนใหญ่
3.รักษาโดยวิธีการผ่าตัด การผ่าตัดเช่นว่านี้ หมายถึงการผ่าตัดเอาผิวหนังส่วนที่ไม่เป็นโรคด่างขาว มาแปะทับบริเวณผิวหนังที่ติดโรคนั่นเองครับ เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้ผิวหนังมีการถ่ายเซลล์เม็ดสีระหว่างกัน
4.รักษาโดยการใช้เลเซอร์ เป็นวิธีการกระตุ้นเซลล์เม็ดสีบนผิวหนัง เช่นเดียวกับการฉายแสงยูวีครับ แต่การรักษาด้วยวิธีนี้มักใช้กับผู้ป่วยที่มีรอยโรคเป็นบริเวณเล็กๆ
5.รักษาโดยการฟอกสีผิว ซึ่งการฟอกสีผิวนี้หมายถึง การทำสีผิวปกติของผู้ติดโรคให้ขาวเท่ากับรอยด่างขาว ของโรคด่างขาวนั่นเองครับ ซึ่งเป็นวิธีที่มักจะนำมาใช้กับผู้ที่มีการแพร่กระจายของรอยด่างขาวเป็นบริเวณกว้าง หรือลุกลามทั่วทั้งตัว

สิ่งที่ท่านต้องทราบไว้ในเบื้องต้นเกี่ยวกับการรักษาโรคขนคุด

การรักษาโรคขนคุด
                   สิ่งที่ท่านต้องทราบไว้ในเบื้องต้นเกี่ยวกับการรักษาโรคขนคุด คือโรคชนิดนี้ ไม่สามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้ด้วยวิธีการใดๆ จะขึ้นชื่อว่าหายขาดอย่างแท้จริงนั้นคือการหายเองตามธรรมชาติครับ โดยเมื่อผู้ที่เป็นโรคนี้มีอายุมากขึ้น อาการของโรคจะเริ่มบรรเทาลงเรื่อยๆและจะหายไปในที่สุด ดังนั้นการรักษาที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ไม่ใช่เป็นการรักษาให้ขาดขาดแต่อย่างใด แต่เป็นวิธีการรักษาของแพทย์ที่จะช่วยบรรเทาให้มันดีขึ้นเท่านั้นเอง
                    โดยในการรักษาโรคขนคุด หากท่านเข้ารับการรักษากับแพทย์ผิวหนังโดยตรง กระบวนการแรกก่อนการรักษาคือ แพทย์จะทำการประเมินเกี่ยวกับอาการของโรคขนคุด ว่าผู้ที่เข้ารับการรักษานั้นเป็นมากน้อยเพียงใด เมื่อจำแนกกลุ่มของผู้ที่เป็นโรคออกจากกันแล้ว วิธีการรักษาก็จะแตกต่างกันออกไปครับ
1.สำหรับผู้ที่เป็นโรคขนคุดในขั้น “เป็นไม่มาก” การรักษาของแพทย์โดยส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของการรักษาความชุ่มชื่นของผิวหนังเพียงเท่านั้นครับ โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่สามารถสร้างความชุ่มชื่นแก่ผิว และลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนทำให้ผิวแห้งซึ่งเป็นเป็นเหตุแห่งการเกิดโรค เช่น แพทย์จะให้ใช้สบู่อ่อนจำพวกสบู่เด็ก เพื่อป้องกันการแพ้ของคนผิวแห้งและทาเฉพาะในบริเวณที่สกปรกจากการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันเท่านั้น ทั้งนี้จะมีการสั่งให้ท่านงดการอาบน้ำอุ่นและน้ำร้อน เพื่อป้องกันผิวแห้งรวมถึงการขัดถูบริเวณผิวหนังที่เป็นขนคุดด้วย เพื่อมิให้เกิดการอักเสบและโรคกำเริบหนักขึ้นครับ และสุดท้ายคือการทาโลชันพร้อมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว
2.สำหรับผู้ที่เป็นโรคขนคุดในขั้นเป็นมากในกรณีที่เป็นหนักนั้นนอกจากแพทย์จะให้ปฏิบัติตัวโดยใช้ผลิตภัณฑ์เช่นเดียวกับกลุ่มที่เป็นน้อยแล้ว ในกลุ่มนี้ยังต้องทายาที่แพทย์สั่งโดยเฉพาะอีกด้วย เช่น อนุพันธุ์ของวิตามินเอ และ สเตียรอยด์แบบทา เป็นต้น และนอกจากนี้ยังสามารถรักษาโดยวิธีการเลเซอร์กำจัดขนเพื่อลดปริมาณของขนคุด

ผมหงอกหรือผมสีขาว หรือสีเทา (grey or white hair) เกิดขึ้นเนื่องจากเซลล์สร้างสี

ผมหงอกเกิดจากอะไร
ผมหงอกหรือผมสีขาว หรือสีเทา (grey or white hair) เกิดขึ้นเนื่องจากเซลล์สร้างสี (melanocytes) ที่ให้สีดำ (melanin) แก่เส้นผมที่กำลังงอกออกมาจากเซลล์สร้างผม (hair matrix) ทำงานน้อยลงไป หรือไม่ทำงาน เส้นผมที่งอกออกมาจึงเป็นสีเทาหรือสีขาว แต่ยังคงเป็นเส้นผมที่แข็งแรงเหมือนเดิม เพียงแต่สีไม่ดำเท่านั้นผมจะเป็นสีเทาหรือสีขาวเมื่อคนเราย่างเข้าวัยชรา หรือในบางคนผมอาจจะหงอกตั้งแต่ยังหนุ่มสาว ที่บางทีเรียกกันว่า แพ้ผม” จากกรรมพันธุ์ และจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ความเครียด การเจ็บป่วยอย่างรุนแรง การขาดอาหารอย่างรุนแรง คนเผือก
โดยทั่วไปผมที่หงอกตามอายุหรือตามกรรมพันธุ์ไม่จำเป็นต้องรักษา และยังไม่มีวิธีรักษา นอกจากการใช้ยาย้อมผมหรือโกรกผมให้ดำเท่านั้น ซึ่งจะต้องทำบ่อยๆ ทุก 1-3 สัปดาห์ มิฉะนั้น ผมที่งอกออกมาใหม่ก็จะเห็นเป็นสีขาว ทำให้ผมส่วนที่ติดหนังศีรษะเป็นสีขาว และส่วนที่ถูกย้อมไว้เป็นสีดำ ยิ่งดูน่าหัวเราะมากขึ้น
ผมที่หงอกเพราะความเครียดหรือเพราะโรค ก็ต้องรักษาความเครียด หรือโรคที่เป็นอยู่ (โรคอะไรก็ได้ ถ้าทำให้เจ็บป่วยรุนแรง ก็ทำให้ผมหงอกได้) ไม่จำเป็นต้องรักษาเส้นผม เพราะไม่มีวิธีรักษา นอกจากจะย้อมผมเพื่อหลอกตนเองและคนอื่นเท่านั้น แต่เมื่อรักษาให้ความเครียดและโรคที่เป็นอยู่ให้หายดีแล้ว ผมหงอกจะลดลงหรือหายไปได้
การรักษาผมหงอกที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุด คือ การลดความเครียดลง เช่น การไม่ห่วงกังวลว่าผมจะหงอกหรือไม่หงอก การไม่ห่วงกังวลเรื่องอื่นๆ เป็นต้น และถ้าเป็นโรคอะไรอยู่ ให้รักษาโรคที่เป็นอยู่ให้หายหรือดีขึ้นโดยเร็วที่สุด แล้วผมจะหายหงอกหรือหงอกน้อยลง

คงไม่มีใครชอบใจนัก หากมีคนทักว่าวันนี้ตาเป็นหมีแพนด้า เพราะถึงแม้อาการขอบตาดำคล้ำจะไม่มีปัญหาต่อสุขภาพ

ปัญหาขอบตาดำคล้ำ
คงไม่มีใครชอบใจนัก หากมีคนทักว่าวันนี้ตาเป็นหมีแพนด้า เพราะถึงแม้อาการขอบตาดำคล้ำจะไม่มีปัญหาต่อสุขภาพ แต่ก็ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้มีอาการขอบตาดำคล้ำนอกจากกรรมพันธุ์แล้ว ก็มีสาเหตุจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ การขยี้ตาบ่อย ๆ หรือแพ้เครื่องสำอางบางชนิด การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การดื่มกาแฟจัด เพื่อให้รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา และสามารถอดนอนติดต่อกันยาวสนานหลายชั่วโมง การสูบบุหรี่จัด หรือการดากแดดเป็นประจำ โดยไม่มีการป้องกันแสงยูวี ซึ่งอาการขอบตาคล้ำจะเป็นมากเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น เพราะผิวหนังจะเริ่มหย่อนคล้อยลง โดยเฉพาะตรงวงใต้ตาจะเป็นเงาและลึก ทำให้รอบตาดูเป็นสีคล้ำอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงต้องดูแลผิวหนังบริเวณนี้เป็นพิเศษ ซึ่งปัจจุบันมีตัวช่วยในการถนอมผิวหนังรอบดวงตามากมายทั้งสารสกัดจากธรรมชาติ และวิธีการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่ก้าวหน้าสามารถลดริ้วรอยรอบดวงตาและรอยคล้ำของผิวรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างไรการป้องกันการเกิดเป็นทางแก้ที่ดีที่สุด
สำหรับการป้องกันนั้นก็เริ่มจากการดูแลทั้งภายในและภายนอก โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงแสงแดด ควันบุหรี่  และพักผ่อนให้เพียงพอโดยต้องนอนหลับอย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง การป้องกันและดูแลรักษาเป็นสิ่งที่จำเป็น หากใส่ใจดูแลผิวบริเวณรอบดวงตาอย่างดีแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาขอบตาดำคล้ำ หากแต่จะทำให้มีแววตาที่สดใส เพื่อความมั่นใจและรักษาความอ่อนเยาว์ไว้ได้ ไม่มีใครเรียกว่าหมีแพนด้าอีกต่อไป