Wednesday, May 11, 2016

ใครบ้างที่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคผิวหนังอักเสบได้

เผยอาการของโรคผิวหนังอักเสบ
หลาย ๆ คนอาจจะเคยสังเกตผู้คนที่เดินผ่านไปมาตามถนนหนทาง  หรือตามตลาด  ห้างร้านต่าง ๆ  เพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว หรือแม้แต่กระทั่งตัวท่านที่ในบางครั้งจะพบมีผื่นแดง ๆ และมีสะเก็ดเล็ก ๆ  ตามบริเวณ ระหว่างคิ้วซอกจมูกรูหู, หลังใบหู บางครั้งเป็นที่ศีรษะตามตัวขาหนีบก็พบได้ โดยผื่นเหล่านี้มักจะเป็น ๆ หาย ๆ และมักพบว่า 
จะเห่อมากขึ้นในบางช่วง เช่น ในช่วงฤดูหนาว หรือช่วงที่เครียดมาก ๆ หรืออดนอน  ซึ่งนั่นก็คือ  โรคผิวหนังอักเสบ
ใครบ้างที่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคผิวหนังอักเสบได้
โรคนี้ส่วนใหญ่พบในผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 18-40 ปี และในทารกระยะ เดือนแรก หรือในผู้สูงอายุก็พบได้เช่นกัน และพบได้บ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิง 
สาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบ
โดยสาเหตุของโรคนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด โดยลักษณะอาการที่มักจะพบได้บ่อยก็คือ พบว่ามีผื่นแดงปนเหลือง และมีสะเก็ดเป็นมันบนผื่นโดยมีขอบเขตชัดเจน และมักพบตามศีรษะไรผมคิ้วรูหูหลังใบหูข้างจมูกคอรักแร้ขาหนีบ หรืออาจพบบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งบางครั้งอาจมีอาการคันหรือ ไม่คันก็ได้ หลาย ๆ ท่านอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคเชื้อรากลาก ซึ่งให้ลักษณะรอยโรคที่คล้ายกันได้

ซึ่งสามารถแยกได้ระหว่างโรคผิวหนังอักเสบกับโรคเชื้อรา  ซึ่งโรคเชื้อรานั้นจะมีอาการคันมาก และถ้าจะให้ชัดเจนก็โดยการตรวจหาเชื้อรา ด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยการขูดสะเก็ดที่เป็นขุยจากรอยโรคมาตรวจ บางครั้งอาจจะสับสนกับโรคที่อาจจะเคยได้ยินนั่นก็คือ โรคสะเก็ดเงิน

เส้นเลือดขอดฝันร้ายของสาว ๆ ที่ต้องเผชิญกับภัยเงียบ

รู้เท่าทันการรักษาเส้นเลือดขอดให้ปลอดภัย
เส้นเลือดขอดฝันร้ายของสาว ๆ ที่ต้องเผชิญกับภัยเงียบอันเนื่องมาจากกิจวัตรประจำวันของตัวเอง ซึ่งเส้นเลือดขอดพบมากกับผู้ที่มีน้ำหนักมาก  ผู้หญิง  ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์  แต่ทุกคนสามารถที่จะดูแลตัวเองในการรักษาเส้นเลือดขอดได้โดยไม่ต้องพึ่งหมอ
    

สาเหตุของการที่ทำให้เป็นเส้นเลือดขอดมีดังนี้คือ
1.  การทำกิจวัตรต่าง ๆ เป็นเวลานาน   
เช่น การยืน นั่ง และแม้แต่กระทั่งการเดินนาน ๆ ทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณขาไม่สะดวก เกิดแรงดันภายในหลอดเลือดดำ

2.  มีน้ำหนักตัวมากเกิน 
ทำให้เกิดแรงดันสูงขึ้นภายในหลอดเลือดที่บริเวณขาเมื่อได้รับผลจากการที่ขาต้องแบกรับน้ำหนักมาก จึงเป็นเหตุให้เกิดเส้นเลือดขอดได้
      
3.  อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่อมีอายุมากขึ้นผนังหลอดเลือดดำจะมีความยืดหยุ่นที่น้อยลง ทำให้มีโอกาสเกิดการอุดตันของเส้นเลือดสูง

4.  เพศ 
โดยเฉพาะเพศหญิงมีโอกาสเป็นเส้นเลือดขอดได้มากกว่าผู้ชายเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้หญิงเป็นตัวกระตุ้น

5. การตั้งครรภ์ 
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย และมดลูกที่โตขึ้นจึงส่งผลกระทบให้เกิดแรงดันภายในหลอดเลือดที่ขาสูงขึ้น จึงทำให้เกิดเส้นเลือดขอดที่ขา แต่โดยปกติแล้วจะหายเองภายใน เดือนหลังคลอด

6.กรรมพันธุ์
การมีประวัติครอบครัวที่เคยเป็นเส้นเลือดขอดมาก่อน ก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นเส้นเลือดขอดได้สูง

โดยปกติ ลอดเลือดดำที่บริเวณขานั้นมีหน้าที่ในการนำเลือดดำออกจากเท้ากลับสู่หัวใจ และบีบเลือดต้านแรงโน้มถ่วงของโลกโดยที่มีลิ้นเล็ก ๆในหลอดเลือดดำช่วยเปิดให้เลือดไหลขึ้นไปที่หัวใจ และปิดกั้นไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับลงไปที่เท้า ดังนั้นเมื่อได้รู้ถึงสาเหตุของการที่ทำให้เป็นเส้นเลือดขอดแล้วก็สามารถดูแลตัวเองเพื่อป้องกันและรักษาเส้นเลือดขอดได้ด้วยตัวเอง

สิ่งควรรู้เมื่อตัดสินใจลบรอยสัก

สิ่งควรรู้เมื่อตัดสินใจลบรอยสัก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อตัดสินใจสักเม็ดสีลงบนผิวหนัง  เม็ดสีสังเคราะห์เป็นสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายของมนุษย์เรานั้นไม่รู้จัก ดังนั้นเมื่อนำเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะทำงานโดยพยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมนั้นออกไป เม็ดสีสังเคราะห์นี้จะถูกล้อมรอบด้วยคอนลาเจนชนิดที่ผิดปกติ เม็ดเลือดขาวพยายามที่จะเก็บกินเม็ดสีและขับออกทางระบบน้ำเหลืองแต่ขนาดของเม็ดสีนั้นใหญ่เกินกว่าที่เม็ดเลือดขาวจะเก็บกินได้ จึงทำให้เม็ดสีส่วนใหญ่ติดค้างอยู่ในชั้นหนังแท้

เมื่อเกิดคอนลาเจนที่ผิดปกติขึ้นในชั้นผิว คือแผลเป็นในระดับเริ่มต้นที่มีโอกาสนูนได้ร่างกายพยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เองอยู่แล้ว เหมือนที่บางคนสักมาระยะเวลาผ่านไปหลายปีสีก็จางลงเรื่อยๆ

การกำจัดเม็ดสีที่เกิดจากรอยสัก
มีกลไกในการที่จะทำให้เม็ดสีเหล่านี้หายไปได้มี  2  กลไก คือ
1.การหลุดร่อนของผิวชั้นบน (Trans-epidermal elimination) ซึ่งเข้าใจง่าย ๆ ก็คือการผลัดเซลล์ผิว  เม็ดสีเหล่านี้หากอยู่ในระดับที่ไม่ลึกมากก็มีโอกาสที่จะหลุดร่อนไปได้ เห็นได้ชัดกับกรณีของการสักเม็ดสีที่ปาก เมื่อปากแห้งลอกเม็ดสีก็จะดูจางลง

2. การเก็บกินของเม็ดเลือดขาว (Phagocytosis) ถ้าหากเม็ดสีมีขนาดเล็ก  โอกาสที่เม็ดเลือดขาวจะสามารถเก็บกินได้ก็จะมีมากกว่าเม็ดสีที่มีขนาดใหญ่

การลบรอยสักในปัจจุบันมีหลายวิธีด้วยกัน การจางหายหรือภาวะแทรกซ้อนแต่ละวิธีก็มีมากน้อยต่างกัน ตั้งแต่การสักสีที่ใกล้เคียงกับผิวทับลงไป หรือการกัดกร่อนด้วยสารเคมี หรือการกำจัดด้วยเลเซอร์หลากหลายชนิด

รอยแผลเป็นเกิดจากหลายสาเหตุ และมีขั้นตอนที่ซับซ้อนหลากหลายอาการ

ทำความรู้จักกับชีวโมเลกุล ชนิดของการดูแลรอยแผลเป็น

รอยแผลเป็นเกิดจากหลายสาเหตุ และมีขั้นตอนที่ซับซ้อนหลากหลายอาการ จึงต้องการ ๆ ดูแลที่ต้องครอบคลุมรอบด้านจากตัวยาหลายชนิด

MPS (มิวโคโพลีซัคคาไรด์ โพลีซัลเฟต)
เร่งการสมานแผล กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่อย่างสมดุล กระตุ้นให้ร่างกายสร้างกรดไฮยาลูรอนิคที่ทำให้เซลล์อุ้มน้ำได้ดีขึ้น จึงทำให้แผลเป็นที่แข็งนุ่มลง พร้อมกระตุ้นการไหลเวียนใต้ผิวหนัง 

Allantoin (อะลันโทอิน) 
เร่งการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพบรรเทาอาการคัน และเพิ่มความชุ่มชื้น

Aloe Vera (อะโลเวร่า) 
สมานแผลชั้นดีสำหรับแผลไฟไหม้ หรือแผลน้ำร้อนลวกโดยเฉพาะ 

Allium Cepa (อัลเลียม ซีปา)
ลดการอักเสบรอยแดง รอยคล้ำ ช่วยเร่งการสมานแผล และยับยั้งการก่อตัวของเนื้อเยื่อส่วนเกินที่ทำให้นูน

วิตามิน B3
ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอด้วยการยับยั้งการสร้างเม็ดสี

วิตามิน E
ช่วยลดการอักเสบด้วยฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ

ซึ่งการใช้สารชีวโมเลกุลทั้ง ชนิด ในสัดส่วนที่เหมาะสมนั้นจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการดูแลรอยแผลเป็นสูงขึ้น เมื่อเข้าใจลักษณะของแผลเป็น และรู้จักสารประกอบที่จำเป็นในการลดเลือนรอยแผลเป็นแล้ว ก็สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลรอยแผลเป็นที่มีคุณภาพได้ด้วยตัวเอง

สิ่งที่ควรใส่ใจก่อนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดเลือนรอยแผลเป็น
 เคล็ดไม่ลับในการดูแลรักษารอยแผลเป็น คือ การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ลดเลือนดูแลรอยแผลเป็น ซึ่งต้องพิจารณาคุณสมบัติของสารสำคัญเหล่านั้นว่าเป็นสารที่สามารถรักษาแผลเป็นและมีการศึกษาทดลอง ที่ได้ผลทางกายภาพจริง 

เพียงเท่านี้การดูแลรอยแผลเป็นก็จะไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไปที่จะกลับมีผิวเรียบเนียน คืนความมั่นใจให้กับผิวได้อีกครั้ง

โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม

โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมถ้าบิดาและมารดาเป็นโรค บุตรที่เกิดมามีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้สูงร้อยละ 65-83 แต่ถ้าบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งเป็นโรค บุตรที่เกิดมามีโอกาสเป็นโรคนี้ลดลงเหลือร้อยละ 28-50 และถ้าทั้งบิดาและมารดาไม่เป็นโรคนี้เลย บุตรมีโอกาสเป็นโรคนี้น้อยลงไปเหลือเพียงร้อยละ 4

แต่ถ้ามีพี่น้องในครอบครัวเป็นโรคนี้โดยที่บิดาหรือมารดาไม่เป็นโรคบุตรคนถัดไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคสะเก็ดเงินสูงขึ้นถึงร้อยละ 24 ซึ่งลักษณะทางพันธุกรรมเป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานของการเกิดโรค การเกิดอาการของโรคไม่ได้ขึ้นกับปัจจัยทางพันธุกรรมแต่เพียงอย่างเดียว ถึงผู้ป่วยจะมีลักษณะทางพันธุกรรมของโรคสะเก็ดเงินอยู่ แต่ถ้าไม่มีปัจจัยกระตุ้นหรือส่งเสริมที่กระทบต่อผู้ป่วยก็จะไม่เกิดอาการของโรค

สาเหตุปัจจัยภายในร่างกายที่ทำให้เกิดโรคสะเก็ดเงิน
ผิวหนังเป็นอวัยวะที่อยู่นอกสุดของร่างกาย แต่ไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์จากอวัยวะภายในอื่น ๆ ของร่างกาย ปัจจัยภายในร่างกายนั้นรวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดในร่างกายด้วย เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โรคของอวัยวะภายในต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงและโรคต่างๆ ของอวัยวะภายใน ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมต่อผิวหนังด้วยเสมอ

สาเหตุจากปัจจัยทางด้านจิตใจที่ทำให้เกิดโรคสะเก็ดเงิน 
สภาพทางจิตใจของผู้ป่วยมีอิทธิพลต่ออาการของโรคสะเก็ดเงิน เช่นเดียวกับปัจจัยของร่างกาย ผู้ป่วยที่เครียด หงุดหงิด โกรธง่าย นอนไม่หลับ ก็จะทำให้ผื่นกำเริบแดงขึ้น และคันมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยต้องแกะเกา ซึ่งจะส่งผลให้โรคกำเริบ

โดยสรุปก็คือโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคทางพันธุกรรมที่มีปัจจัยทั้งภายใน  ปัจจัยภายนอกร่างกาย รวมถึงปัจจัยทางด้านจิตใจ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคหรือส่งเสริมให้โรคที่สงบอยู่กำเริบ เป็นมากขึ้น